การนำเสนองบการเงิน
· งบการเงินที่สมบูรณ์ต้องประกอบด้วย
o งบแสดงฐานะทางการเงิน
o งบกำไรขาดทุน
o งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
o หมายเหตุประกอบงบการเงิน
· ไม่กำหนดให้กิจการต้องทำ
o งบกระแสเงินสด
o งบการเงินรวม
o การเสนอข้อมูลจำแนกตามส่วนงาน
o การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลหรือกิจการที่เกี่ยวข้องกัน
o การเปิดเผยข้อมูลสำหรับเครื่องมือทางการเงิน
· งบการเงินควรนำเสนอข้อมูลที่เปรียบเทียบได้
· งบการเงินระหว่างกาลต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทุกข้อใน TFRS for NPAEs
· ต้องแยกแสดงรายการที่มีลักษณะหรือหน้าที่ที่คล้ายคลึงกันที่มีสาระสำคัญ
· ห้ามนำทรัพย์สินและหนี้สิน หรือรายได้และค่าใช้จ่ายมาหักกลบกัน ยกเว้นมีข้อกำหนดให้ทำได้
· ต้องมีการระบุเอกลักษณ์อย่างชัดเจน
งบแสดงฐานะการเงิน
· ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งบการเงินในการประเมินฐานะการเงิน ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ
· ต้องแยกแสดงการจัดประเภทสินทรัพย์และหนี้สินในงบแสดงฐานะการเงินเป็นรายการหมุนเวียนและไม่หมุนเวียน
งบกำไรขาดทุน
· กิจการต้องรับรู้รายการรายได้และค่าใช้จ่ายทุกรายการสำหรับงวดใบงบกำไรขาดทุน เพื่อคำนวณหาผลกำไร(ขาดทุน) ยกเว้นรายการกำไรหรือขาดทุน ซึ่งมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้กำหนดให้กิจการต้องรับรู้โดยตรงไปยังส่วนของเจ้าของ
· กิจการจะเลือกจัดประเภทค่าใช้จ่ายตามหน้าที่หรือตามลักษณะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหาร
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ
· กิจการต้องนำเสนอรายการต่อไปนี้
o เงินทุนที่ได้รับจากเจ้าของและจ่ายคืนให้แก่เจ้าของ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไร
o กำไรหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวด
o ยอดคงเหลือ ณ วันต้นงวด การเปลี่ยแปลงรายการต่างๆ และยอดคงเหลือ ณ วันสิ้นงวด
o รายการซึ่งกำหนดให้กิจการรับรู้โดยตรงไปยังส่วนของเจ้าของ
หมายเหตุประกอบงบการเงิน
· ต้องแสดงข้อมูลดังต่อไปนี้
o ข้อความที่ระบุว่างบการเงินได้จัดทำขึ้นตาม TFRS for NPAEs
o สรุปนโยบายการบัญชีที่เลือกใช้
o ข้อมูลที่กำหนดให้เปิดเผยเป็นการเฉพาะ
o ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี และการแก้ไขข้อผิดพลาด
· การเปลี่ยนแปลงทางการบัญชีประกอบด้วย
(ก) การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี
(ข) การเปลี่ยนแปลงประมาณการบัญชีและ
(ค) การแก้ไขข้อผิดพลาดในงวดก่อน
· ในกรณีที่มิได้กำหนดแนวทางปฎิบัติสำหรับรายการค้าเหตุการณ์หรือสถานการณ์อื่นเป็นการเฉพาะ ต้องใช้ดุลยพินิจในการเลือกใช้นโยบายการบัญชี ตามลำดับดังต่อไปนี้
o ข้อกำหนดและแนวปฎิบัติสำหรับเรื่องที่คล้ายคลึงและเกี่ยวข้องกัน เช่น การรับรู้รายได้
o ลักษณะเชิงคุณภาพของข้อมูลในงบการเงิน คำนิยามและการรับรู้รายการ และการวัดมูลค่าองค์ประกอบของงบการเงิน ที่ระบุไว้ในกรอบแนวคิด
o มาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (TFRS) เฉพาะรายการนั้นๆ
· กิจการต้องเปลี่ยแปลงนโยบายการบัญชี ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นเข้าเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้
o เกิดจากข้อกำหนดของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
o ทำให้งบการเงินให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจมากขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับผลกระทบของรายการค้า เหตุการณ์และสถานการณ์อื่นที่มีต่อฐานะการเงิน และผลการดำเนินงาน
· เมื่อกิจการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี ให้กิจการรับรู้ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง โดยการนำนโยบายการบัญชีใหม่มาถือปฎิบัติย้อนหลัง เว้นแต่ในทางปฎิบัติไม่สามารถระบุจำนวนเงินของผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละงวดบัญชี หรือไม่สามารถระบุจำนวนเงินของผลกระทบสะสมที่เกิดจากข้อผิดพลาดได้ ให้ใช้วิธีเปลี่ยนทันที เป็นต้นไป กล่าวคือ ใช้นโยบายบัญชีใหม่สำหรับรายการค้า เหตุการณ์สถานการณ์ต่างๆ หลังจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี
· กิจการต้องรับรู้ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงประมาณการบัญชี โดยใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป ด้วยการรับรู้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงประมาณการบัญชีสำหรับงวดปัจจุบันและงวดอนาคตที่ได้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น การเปลี่ยนแปลงมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ การเปลี่ยนแปลงจำนวนหนี้สงสัยจะสูญ
· ข้อผิดพลาดในงวดก่อน หมายถึง การละเว้นการแสดงรายการและการแสดงรายการที่ขัดต่อข้อเท็จจริงในงบการเงินของกิจการในงวดใดงวดหนึ่งหรือหลายงวดรวมกัน
o กิจการต้องแก้ไขข้อผิดพลาดที่มีสาระสำคัญของงวดก่อน โดยปรับย้อนหลัง ในงบการเงินฉบับแรกที่ได้รับการอนุมัติให้เผยแพร่หลังจากที่พบข้อผิดพลาด
o กิจการต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของงบการเงินงวดก่อนโดยการปรับงบการเงินย้อนหลัง เว้นแต่ในทางปฎิบัติไม่สามารถระบุจำนวนเงินของผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละงวดบัญชี หรือไม่สามารถระบุจำนวนเงินของผลกระทบสะสมที่เกิดจากข้อผิดพลาดได้
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
· ให้นิยาม เงินสด เงินฝากธนาคาร และรายการเทียบเท่าเงินสด
· ให้กิจการนำเสนอเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวมเป็นรายการเดียวกัน
· เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร ไม่สามารถนำมาหักกลบกับรายการเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด
ลูกหนี้
· ลูกหนี้ หมายถึง สิทธิที่กิจการจะได้รับเงินสดหรือทรัพยากรหรือประโยชน์เชิงเศรษฐกิจอื่นๆ เมื่อถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้อาจรวมถึงลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นฯ
· ต้องวัดมูลค่าภายหลังด้วยมูลค่าที่จะได้รับ ซึ่งหมายถึง มูลค่าหลังจากหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
· วิธีการประมาณหนี้สงสัยจะสูญสามารถทำได้ 3 วิธี ได้แก่
o วิธีอัตราร้อยละของขายเชื่อสุทธิ
o วิธีอัตราร้อยละของลูกหนี้ที่ค้างชำระจำแนกตามอายุของลูกหนี้
o วิธีพิจารณาลูกหนี้เป็นแต่ละราย
· การตัดจำหน่ายหนี้สูญ ไม่อ้างถึงการตัดหนี้สูญ ทางภาษีอากร
สินค้าคงเหลือ
· สินค้าคงเหลือ หมายถึง สินทรัพย์ซึ่งมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังต่อไปนี้
o ถือไวเพื่อขายตามลักษณะของการประกอบธุรกิจตามปกติของกิจการ
o อยู่ในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อขาย
o อยู่ในรูปของวัตถุดิบ หรือวัสดุที่มีไว้ใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
· ต้นทุนของสินค้าคงเหลือต้องประกอบด้วย ต้นทุนทั้งหมดในการซื้อ ต้นทุนแปลงสภาพและต้นทุนอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้สินค้าคงเหลือนั้นอยู่ในสถานที่และอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
· กิจการอาจเลือกใช้วิธีการคำนวณต้นทุนสินค้าที่ขายโดยวิธี
o วิธีราคาเจาะจง
o วิธีเข้าก่อนออกก่อน
o วิธีถัวเฉลี่ยต้นทุนสินค้าที่ซื้อเข้ามาแต่ละงวด
· สินค้าคงเหลือต้องวัดมูลค่าด้วยราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Net Realizable Value NRV) แล้วแต่มูลค่าใดจะต่ำกว่า ถือเป็นการปรับมูลค่าลดลง ไม่ใช่ การตั้งค่าเผื่อ
· มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ หมายถึง ราคาโดยประมาณที่คาดว่าจะขายได้ตามปกติธุรกิจ หักด้วยประมาณการต้นทุนในการผลิตสินค้านั้นให้เสร็จและต้นทุนที่จำเป็นต้องจ่ายไปเพื่อให้ขายสินค้านั้นได้
· มูลค่าที่ลดลงของสินค้าคงเหลือจากการปรับมูลค่าให้เท่ากับ NRV ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายโดยแสดงเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนขาย
· ผลขาดทุนอื่นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าคงเหลือ เช่น ขาดทุนจากสินค้าสูญหาย ทำลาย ไฟไหม้ เป็นต้น ต้องบันทึกเป็นส่วนหนึ่งของ ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
· การกลับรายการ ปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ให้นำไปหักจากต้นทุนขายในรอบปัจจุบัน
เงินลงทุน
· กิจการต้องจัดประเภทเงินลงทุนในตราสารหนี้และเงินลงทุนในตราสารทุน เป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด (เพื่อค้าและเผื่อขาย) และเงินลงทุนที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด
· เงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือกิจการร่วมค้า
· กิจการต้องวัดมูลค่าเงินลงทุนทุกประเภท เมื่อเริ่มแรกด้วยราคาทุนเท่านั้น ซึ่งหมายถึง มูลค่ายุติธรรมของสิ่งตอบแทนที่ให้ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินลงทุนนั้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเข้าทำรายการ
· การวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารทุน
o กิจการต้องวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารทุนที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาดหรือเงินลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือกิจการร่วมค้า ด้วยราคาทุนเดิม หักด้วยค่าเผื่อการลดของมูลค่า (ถ้ามี) ณ วันสิ้นสุดรอบระยะเวลารายงาน
o เงินลงทุนในตราสารทุนที่เป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด ให้วัดมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าวด้วยมูลค่ายุติธรรม (ตามปกติจะใช้ราคาเสนอซื้อปัจจุบัน) ให้รับรู้ผลต่างเป็นกำไร (ขาดทุน) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน
§ หลักทรัพย์เพื่อค้า ให้รับรู้ไปยังงบกำไรขาดทุน
§ หลักทรัพย์เผื่อขาย ให้รับรู้ไปยังส่วนของเจ้าของ
· การวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้
o กิจการต้องวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้ทุกชนิดที่กิจการตั้งใจจะถือจนครบกำหนดและเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาดที่กิจการไม่ได้ตั้งใจจะถือจนครบกำหนด ด้วยราคาทุนตัดจำหน่ายหักด้วยค่าเผื่อการลดลงของมูลค่า(ถ้ามี) ณ วันสิ้นสุดรอบระยะเวลารายงาน
o ราคาทุนตัดจำหน่าย หมายถึง ราคาทุนของตราสารหนี้ที่ได้มาเมื่อเริ่มแรก หักด้วยเงินต้นที่ต้องจ่ายคืน และบวกหรือหักค่าตัดจำหน่ายสะสมของส่วนต่างระหว่างราคาทุนเริ่มแรกกับมูลค่าที่ตราไว้โดยวิธีการตัดจำหน่ายส่วนต่างตามวิธีอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงหรือวิธีอื่นที่ให้ผลไม่แตกต่างจากวิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอย่างมีนัยสำคัญ
o กิจการต้องวัดมูลค่าเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่เป็นหลักทรัพย์ที่อยู่ในความต้องการของตลาด ที่กิจการไม่ได้ตั้งใจจะถือจนครบกำหนดด้วยมูลค่ายุติธรรมและกิจการต้องรับรู้ผลต่างระหว่างราคาทุนตัดจำหน่ายและมูลค่ายุติธรรม ณ วันสิ้นสุดรอบระยะเวลารายงาน เป็นกำไร (ขาดทุน) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน
§ หลักทรัพย์เพื่อค้า ให้รับรู้ไปยังงบกำไรขาดทุน
§ หลักทรัพย์เผื่อขาย ให้รับรู้ไปยังส่วนของเจ้าของ
· ในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ว่าเงินลงทุนมีมูลค่าลดลงอย่างถาวร เช่น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงอย่างมีสาระสำคัญและติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานหรือมีหลักฐานที่แสดงความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารลดลงอย่างมีสาระสำคัญ เป็นต้น กิจการต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการลดมูลค่าของเงินลงทุนในงบกำไรขาดทุน
· การโอนเปลี่ยนประเภท
o ตามปกติ การโอนเปลี่ยนเงินลงทุนจากประเภทหนึ่งไปอีกประเภทหนึ่งจะไม่เกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากกิจการต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการถือเงินลงทุนนับตั้งแต่เริ่มแรกที่ได้เงินลงทุนมา
o หากกิจการไม่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน กิจการต้องจัดประเภทเงินลงทุนนั้นเป็นหลักทรัพย์เผื่อขายในทันที
o การโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนต้องมีหลักฐานสนับสนุนอย่างเพียงพอ
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์
· กิจการต้องรับรู้ต้นทุนเริ่มแรกเพื่อให้ได้มาหรือก่อสร้างรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และต้นทุนที่เกิดขึ้นในภายหลังเมื่อมีการซ่อมบำรุง ต่อเติม ดัดแปลง ปรับปรุง เปลี่ยนแทนส่วนประกอบของรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ เป็นทรัพย์สิน เมื่อ
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตจากรายการนั้น
o กิจการสามารถวัดมูลค่าต้นทุนของรายการนั้นได้อย่างน่าเชื่อถือ
· ราคาทุนของรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ประกอบด้วย
o ราคาซื้อรวมอากรขาเข้าและภาษีซื้อที่เรียกคืนไม่ได้ หลังหักส่วนลดการค้า และจำนวนที่ได้รับคืนจากผู้ขาย
o ต้นทุนทางตรงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาสินทรัพย์เพื่อให้สินทรัพย์นั้นอยู่ในสถานที่และสภาพที่พร้อมจะใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์
o ต้นทุนที่ประมาณที่ดีที่สุดสำหรับการรื้อ การขนย้าย และการบูรณะสถานที่ตั้งของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นภาระผูกพันของกิจการที่เกิดขึ้นเมื่อกิจการได้สินทรัพย์นั้นมาหรือเป็นผลจากการใช้สินทรัพย์นั้นในช่วงเวลาหนึ่ง (ให้บันทึกเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุนด้วย) โดยตั้งเป็นประมาณการหนี้สินไว้
· การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ กิจการต้องวัดมูลค่าต้นทุนของสินทรัพย์ที่ได้มาด้วยมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่นำไปแลกเปลี่ยน เว้นแต่กรณีที่มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่ได้มานั้นมีหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจนกว่า หากไม่สามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือได้ กิจการต้องบันทึกสินทรัพย์ที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนด้วยราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ที่นำไปแลกเปลี่ยน
· Bundle of Assets และ Component Assets
o หากแต่ละส่วนประกอบของรายการสินทรัพย์มีอายุการใช้งานไม่เท่ากันหรือให้ประโยชน์ต่อกิจการในรูปแบบที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ กิจการต้องปันส่วนรายจ่ายที่เกิดขึ้นสำหรับการได้มาซึ่งสินทรัพย์นั้นให้กับแต่ละส่วนประกอบที่มีนัยสำคัญ เช่น การแยกบันทึกส่วนประกอบของเครี่องจักร
o ต้องรับรู้ต้นทุนในการเปลี่ยนแทนส่วนประกอบ เป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าตามบัญชีเมื่อต้นทุนนั้นเกิดขึ้นและเป็นไปตามเกณฑ์การรับรู้รายการ และต้องตัดมูลค่าตามบัญชีของชิ้นส่วนที่ถูกเปลี่ยนแทนออก
o ต้องรับรู้ต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการตรวจสอบสภาพครั้งใหญ่ แต่ละครั้งเป็นส่วนหนึ่งของมูลค่าตามบัญชีหากเป็นไปตามเกณฑ์การรับรู้รายการและต้องตัดมูลค่าตามบัญชีที่เหลือของต้นทุนการตรวจสภาพครั้งใหญ่ในครั้งก่อนออก
· ในการครอบครองอาคารชุดหรือสินทรัพย์อื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในสถานการณ์ที่กิจการได้สิทธิในการครอบครองและใช้ประโยชน์เฉพาะพื้นที่ของอาคารชุดหน่วยนั้น และทรัพย์สิยส่วนกลางที่มีสิทธิในการใช้ร่วมกันกับเจ้าของอาคารชุดหน่วยอื่น ให้กิจการรับรู้ต้นทุนทั้งหมดของการได้มาซึ่งอาคารชุดหรือสินทรัพย์อื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันไว้เป็นรายการอาคารและอุปกรณ์ที่ได้มาเป็นหน่วยเดียวกัน (ไม่ต้องแยกเป็นที่ดินและอาคารชุด)
· ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีตีราคาใหม่ แต่กิจการอาจเปิดเผยมูลค่ายุติธรรมและเกณฑ์ในการกำหนดมูลค่ายุติธรรมในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
· ให้แสดงด้วยราคาทุนหักค่าเสื่อมราคาสะสม และค่าเผื่อการลดลงของมูลค่า
· กิจการต้องคิดค่าเสื่อมราคาสำหรับส่วนประกอบของรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ แต่ละส่วนที่มีนัยสำคัญแยกต่างหากจากกัน
· กิจการควรทบทวนวิธีการคิดค่าเสื่อมราคา มูลค่าคงเหลือ และอายุการให้ประโยชน์ของสินทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ (ไม่จำเป็นต้องทำทุกปี)
· การคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์จะเริ่มต้นเมื่อสินทรัพย์นั้นพร้อมใช้งาน เช่น เมื่อสินทรัพย์อยู่ในสถานที่และสภาพที่พร้อมจะใช้งานได้ตามความประสงค์
· การคิดค่าเสื่อมราคาจะสิ้นสุดเมื่อกิจการตัดรายการสินทรัพย์นั้นออกจากบัญชี หรือเมื่อได้จัดประเภทสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน
· ต้องจัดประเภทสินทรัพย์เป็นสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อขาย หากกิจการมีวัตถุประสงค์ที่จะถือไว้เพื่อขาย โดยพิจารณาจากการที่มูลค่าตามบัญชีที่จะได้รับคืนส่วนใหญ่มาจากการขาย มิใช่ มาจากการใช้สินทรัพย์นั้น
o วัดมูลค่าด้วยจำนวนที่ต่ำกว่าระหว่างมูลค่าตามบัญชีและราคาที่คาดว่าจะขายได้สุทธิจากต้นทุนในการขาย
o ไม่บันทึกค่าเสื่อมราคาอีกต่อไป
สินทรัพย์ไม่มีตัวตน
· สินทรัพย์ไม่มีตัวตน หมายถึง สินทรัพย์ที่ไม่เป็นตัวเงินที่สามารถระบุได้และไม่มีลักษณะทางกายภาพ
· สินทรัพย์สามารถระบุได้ก็ต่อเมื่อ
o สามารถแยกเป็นเอกเทศได้ หรือ
o ได้มาจากทำสัญญาหรือสิทธิทางกฎหมายอื่นๆ
· กิจการต้องวัดมูลค่าเมื่อเริ่มแรกด้วยราคาทุน
· การแลกเปลี่ยนเหมือนรายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์
· หลังจากนั้นต้องแสดงราคาด้วยราคาทุนหักค่าตัดจำหน่ายสะสม และค่าเผื่อการลดลงของมูลค่า (ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีตีราคาใหม่)
· กิจการต้องไม่รับรู้สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกิดขึ้นภายในเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน แต่ให้รับรู้รายการดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนในงวดที่เกิดขึ้น เว้นแต่สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกิดขึ้นภายในดังกล่าวเข้าเกณฑ์การรับรู้รายการ
· ราคาทุนของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกิดขึ้นภายใน คือ ผลรวมของรายจ่ายที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเข้าเกณฑ์การรับรู้รายการเป็นครั้งแรก
· ในการประเมินว่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เกิดขึ้นภายในเข้าเกณฑ์การรับรู้รายการหรือไม่ ต้องแยกขั้นตอนเป็น
o การวิจัย หมายถึง การสำรวจตรวจสอบที่วางแผนและริเริ่มเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ความเข้าใจใหม่ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์หรือทางด้านเทคนิค
o การพัฒนา หมายถึง การนำผลของการวิจัยหรือความรู้อื่นมาใช้ในแผนงานหรือการออกแบบเพื่อผลิตสิ่งใหม่หรือสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเป็นสาระสำคัญก่อนที่จะเริ่มผลิตหรือใช้ในเชิงพาณิชย์
o ถ้าแยกไม่ได้ให้ถือเป็นการวิจัย
· ค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการวิจัย ต้องรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายเมื่อรายจ่ายนั้นเกิดขึ้น
· ค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการพัฒนา จะรับรู้เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนได้ก็ต่อเมื่อ เป็นไปตามข้อกำหนดทั้ง 6 ข้อ
1. มีความเป็นไปได้ทางเทคนิค
2. มีความตั้งใจทำให้เสร็จสมบูรณ์
3. สามารถขายหรือใช้ประโยชน์ได้
4. สามารถแสดงให้เห็นถึงวิธีที่สินทรัพย์ไม่มีตัวตนจะก่อให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต
5. มีความสามารถในการจัดหาทรัพยากร
6. วัดมูลค่าของรายจ่ายที่เกี่ยวข้องได้อย่างน่าเชื่อถือ
· สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่มีอายุการให้ประโยชน์ทราบได้แน่นอนให้กิจการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ตลอดอายุการให้ประโยชน์ที่ทราบได้แน่นอนนั้น
· ส่วนสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่มีอายุการให้ประโยชน์ไม่ทราบได้แน่นอนให้กิจการสมมุติให้อายุการให้ประโยชน์เท่ากับ 10 ปี
· กิจการต้องกำหนดมูลค่าคงเหลือของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนให้เป็นศูนย์ เว้นแต่
o บุคคลที่สามให้สัญญาว่าจะซื้อ
o มีตลาดซื้อขายคล่องรองรับ
· ต้องทบทวนวิธีการตัดจำหน่าย มูลค่าคงเหลือและระยะเวลาในการตัดจำหน่าย อย่างสม่ำเสมอ หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญ กิจการต้องปรับปรุงโดยวิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
· อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หมายถึง อสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน อาคาร หรือส่วนของอาคาร(ส่วนควบอาคาร) หรือทั้งที่ดินและอาคาร) ที่ถือครอง(โดยเจ้าของหรือโดยผู้เช่าภายใต้สัญญาเช่าการเงิน) เพื่อหาประโยชน์จากรายได้ค่าเช่า หรือจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าของสินทรัพย์ หรือทั้งสองอย่าง ทั้งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในการผลิตหรือจัดหาสินค้าหรือให้บริการ หรือใช้ในการบริหารงานของกิจการ หรือขายตามสักษณะการประกอบธุรกิจตามปกติ
· ตัวอย่างของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
o ที่ดินที่ถือครองไว้เพื่อหวังกำไรจากการเพิ่มมูลค่า
o ที่ดินที่ถือครองไว้โดยยังมิได้ระบุวัตถุประสงค์ของการใช้
o อาคารที่ครอบครองภายใต้สัญญาเช่าทางการเงิน และให้เช่าต่อด้วยสัญญาเช่าดำเนินงาน
o อาคารที่ยังไม่มีผู้เช่า ซึ่งมีไว้เพื่อให้เช่าต่อภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงาน
o อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างหรือพัฒนา เพื่อใช้เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในอนาคต
· ตัวอย่างที่ไม่ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
o มีไว้เพื่อขายตามลักษณะการประกอบธุรกิจตามปกติ
o อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง หรือพัฒนาให้บุคคลอื่น
o มีไว้ใช้งาน รวมถึงเพื่อใช้ภายในกิจการในอนาคต ถือครองเพื่อการพัฒนาในอนาคตและนำมาใช้ภายในกิจการในเวลาต่อมา ใช้ประโยชน์โดยพนักงาน และที่มีไว้ใช้งานรอการจำหน่าย
o ให้กิจการอื่นเช่าภายใต้สัญญาเช่าการเงิน
· วัดมูลค่าเมื่อเริ่มแรกด้วยราคาทุน
· กิจการต้องวัดมูลค่าภายหลังการรับรู้รายการ โดยใช้วิธีราคาทุน โดยแสดงรายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้น ด้วยราคาทุนหักค่าเสื่อมราคาสะสม และค่าเผื่อการลดลงของมูลค่า(ถ้ามี) ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีมูลค่ายุติธรรม
· หากสามารถวัดมูลค่ายุติธรรมได้อย่างน่าเชื่อถือ กิจการอาจเปิดเผยมูลค่ายุติธรรมและเกณฑ์ในการกำหนดมูลค่ายุติธรรมในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
· การโอนระหว่าง อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้งาน กับ สินค้าคงเหลือ จะไม่ทำให้มูลค่าตามบัญชีของอสังหาริมทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลง และจะไม่ทำให้ราคาทุนของอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการวัดมูลค่าหรือการเปิดเผยข้อมูลเปลี่ยนแปลง
· โอนด้วยมูลค่าตามบัญชี ไม่ก่อให้เกิดกำไร (ขาดทุน) จากการโอนเปลี่ยนประเภท
· กิจการต้องตัดรายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ออกจากงบแสดงฐานะการเงินเมื่อกิจการจำหน่ายหรือเลิกใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้นอย่างถาวร และคาดว่าจะไม่ได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตอีก
· ผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการเลิกใช้หรือจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ต้องพิจารณาจากผลต่างระหว่างจำนวนเงินที่ได้รับสุทธิจากการจำหน่ายกับมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์นั้น และต้องรับรู้กำไรหรือขาดทุนในงวดที่เลิกใช้หรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น
ต้นทุนการกู้ยืม
· ต้นทุนการกู้ยืม หมายถึง ดอกเบี้ยและต้นทุนอื่นที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมของกิจการ โดยต้นทุนการกู้ยืม อาจรวมถึง
o ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นรวมทั้งภาษีที่เกี่ยวข้อง
o จำนวนที่ตัดบัญชีของส่วนลดหรือส่วนเกิน
o จำนวนที่ตัดบัญชีของรายจ่าย
o ผลต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศ ส่วนที่นำมาปรับปรุงกับต้นทุนของดอกเบี้ย
· กิจการต้องรวมต้นทุนการกู้ยืมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้มา การก่อสร้าง หรือการผลิตสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุนของสินทรัพย์นั้น
· สินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข หมายถึง สินทรัพย์ที่จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานในการเตรียมพร้อมเพื่อให้สามารถนำสินทรัพย์นั้นมาใช้ได้ตามประสงค์หรือนำไปขาย
· เงินที่กู้มาโดยเฉพาะ ต้นทุนการกู้ยืมต้องหักด้วยรายได้ที่เกิดจากการนำเงินกู้ดังกล่าวไปลงทุนเป็นการชั่วคราว
· เงินที่กู้มาเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไป ให้คูณรายจ่ายของสินทรัพย์นั้นด้วย อัตราตั้งขึ้นเป็นราคาทุน ซึ่งได้แก่ อัตราถัวเฉลี่ยน้ำหนักของต้นทุนการกู้ยืมที่เกิดจากเงินกู้ที่คงค้างในระหว่างงวดโดยไม่รวมเงินที่กู้มาโดยเฉพาะ
· เรี่มต้นรวมเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุน เมื่อ
o รายจ่ายเกี่ยวกับสินทรัพย์นั้นได้เกิดขึ้น
o ต้นทุนการกู้ยืมได้เกิดขึ้น
o สินทรัพย์อยู่ในระหว่างการดำเนินการที่จำเป็น
· สิ้นสุดเมื่อการดำเนินการส่วนใหญ่ที่จำเป็นในการเตรียมสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ หรือพร้อมที่จะขายได้สร็จสิ้นลง
สัญญาเช่า
· สัญญาเช่าการเงิน หมายถึง สัญญาเช่าที่ทำให้กิดการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดที่ผู้เป็นเจ้าของพึงได้รับจากสินทรัพย์ให้แก่ผู้เช่า ไม่ว่าในที่สุดการโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นหรือไม่
· สัญญาเช่าดำเนินงาน หมายถึง สัญญาเช่าที่มิใช่สัญญาเช่าการเงิน
· กิจการต้องจัดประเภทสัญญาเช่าเป็นสัญญาเช่าการเงิน หากสัญญานั้นโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดที่ผู้เป็นเจ้าของพึงได้รับจากสินทรัพย์ให้แก่ผู้เช่า ไม่ว่าในที่สุดการโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นหรือไม่
· สถานการณ์ที่ถือเป็นสัญญาเช่าการเงิน
o โอนความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ให้แก่ผู้เช่าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของสัญญาเช่า
o ผู้เช่ามีสิทธิเลือกซื้อสินทรัพย์ด้วยราคาที่คาดว่าจะต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมมาก เช่น ไม่เกินร้อยละ 5 ของราคายุติธรรม
o ระยะเวลาของสัญญาเช่าครอบคลุมอายุการให้ประโยชน์ส่วนใหญ่ของสินทรัพย์ เช่น ครอบคลุมระยะเวลาอย่างน้อยร้อยละ 80
o มูลค่าปัจจุบันของจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องจ่ายมีจำนวนเท่ากับหรือเกือบเท่ากับมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่เช่า เช่น ร้อยละ 90 ของมูลค่ายุติธรรม
· สัญญาเช่าการเงินในงบการเงินของผู้เช่า
o รับรู้เป็นสินทรัพย์และหนี้สินในงบแสดงฐานะการเงิน ด้วยมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ที่เช่า หรือมูลค่าปัจจุบันของจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องจ่ายแล้วจำนวนใดจะต่ำกว่า
o เกิดค่าเสื่อมราคาสำหรับสินทรัพย์ที่เสื่อมสภาพและค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับงวดบัญชีแต่ละงวด
· สัญญาเช่าการเงินในงบการเงินของผู้ให้เช่า
o รับรู้สินทรัพย์ภายใต้สัญญาเช่าการเงินเป็นลูกหนี้ในงบแสดงฐานะการเงิน ด้วยจำนวนที่เท่ากับเงินลงทุนสุทธิในสัญญาเช่า
o รับรู้รายได้ทางการเงินด้วยอัตราผลตอบแทนคงที่ในแต่ละงวด
o ผู้ให้เช่าที่เป็นผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายต้องรับรู้กำไรหรือขาดทุนจากการขายสำหรับงวดตามนโยบายการบัญชีที่กิจการใช้สำหรับการขายเสร็จเด็ดขาด
· สัญญาเช่าดำเนินงาน
o ผู้เช่า รับรู้จำนวนเงินที่จ่ายตามสัญญาเช่าดำเนินงาน เป็นค่าใช้จ่ายตามวิธีเส้นตรงตลอดอายุสัญญาเช่า
o ผู้ให้เช่า แสดงสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงานในงบแสดงฐานะการเงิน ตามลักษณะของสินทรัพย์ รับรู้รายได้ค่าเช่าตามเกณฑ์เส้นตรงตลอดอายุสัญญาเช่า
ภาษีเงินได้
· กิจการต้องรับรู้ภาษีเงินได้ที่ต้องชำระให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน โดยใช้วิธีเงินได้ค้างจ่าย
· อย่างไรก็ตาม หากกิจการประสงค์จะเลือกรับรู้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้หรือรายได้ภาษีเงินได้ และสินทรัพย์หรือหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี โดยใช้วิธีหนี้สินตามงบแสดงฐานะการเงิน (The balance sheet liability method) ให้ถือปฎิบัติตามข้อกำหนดทุกข้อในมาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (TFRSs) อย่างสม่ำเสมอ
ประมาณการหนี้สินและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้น
· ประมาณการหนี้สิน หมายถึง หนี้สินหรือภาระผูกพันในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจังหวะเวลาหรือจำนวนที่ต้องจ่ายชำระ
· กิจการต้องไม่รับรู้หนี้สินที่อาจเกิดขึ้น แต้ให้เปิดเผยรายละเอียดของภาระผุกพันที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งมูลค่าผลกระทบทางการเงินหากสามารถประมาณได้ ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน
· ประมาณการหนี้สินจะต้องรับรู้ก็ต่อเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อดังนี้
o กิจการมีภาระผูกพันในปัจจุบันซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์ในอดีต ไม่ว่าภาระผูกพันนั้นจะเป็นภาระผูกพันตามกฎหมายหรือภาระผูกพันจากการอนุมาน
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่นอน ที่กิจการจะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจต่อกิจการเพื่อจ่ายชำระภาระผูกพันดังกล่าว และ
o สามารถประมาณจำนวนของภาระผูกพันได้อย่างน่าเชื่อถือ
· กิจการต้องรับรู้ประมาณการหนี้สินด้วยจำนวนประมาณการที่ดีที่สุดของรายจ่าย ที่ต้องนำไปจ่ายชำระภาระผูกพันในปัจจุบัน ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
· ประมาณการที่ดีที่สุดของรายจ่าย ที่ต้องนำไปจ่ายชำระภาระผูกพันในปัจจุบัน คือ จำนวนที่สมเหตุสมผลที่กิจการจะจ่ายเพื่อชำระภาระผูกพันหรือโอนภาระผูกพันให้กับบุคคลที่สาม ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
· มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้ กำหนดให้รับรู้ผลประโยชน์ของพนักงาน ที่เป็นไปตามหลักการรับรู้รายการด้วยจำนวนประมาณการที่ดีที่สุดของรายจ่ายที่ต้องนำไปชำระผูกพันใน ปัจจุบัน ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
อย่างไรก็ตามหากกิจการประสงค์จะรับรู้ประมาณการหนี้สินสำหรับผลประโยชน์ของพนักงานตามแนวทางที่กำหนดใน มาตรฐานการรายงานทางการเงินของไทย (TFRSs) ให้กิจการปฎิบัติตามข้อกำหนดทุกข้อในมาตรฐานการรายงานทางการเงินนั้นอย่างสม่ำเสมอ
เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงาน
· เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงาน หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างวันสิ้นรอบระยะเวลารายงานกับวันที่ได้รับอนุมัติให้ออกงบการเงิน ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นไปในทางดีหรือไม่ แยกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เหตุการณ์ที่เป็นหลักฐานยืนยันว่าสถานการณ์ได้มีอยู่ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน (เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ต้องปรับปรุง)
2. เหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ได้เกิดขึ้นภายหลังรอบระยะเวลารายงาน (เหตุการณ์ภายหลังรอบระยะเวลารายงานที่ไม่ต้องปรับปรุง เพียงแต่เปิดเผยข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงิน)
รายได้
· รายได้ หมายถึง กระแสรับของผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ (ก่อนหักรายจ่าย) ในรอบระยะเวลารายงานซึ่งเกิดขึ้นจากกิจกรรมตามปกติของกิจการ เมื่อกระแสรับนั้นส่งผลให้ส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ไม่รวมถึงเงินทุนที่ได้รับจากผู้มีส่วนร่วมในส่วนของเจ้าของและรายการกำไรซึ่งมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับนี้กำหนดให้กิจการต้องรับรู้โดยตรงไปยังส่วนของเจ้า
· กิจการต้องวัดมูลค่าของรายได้โดยใช้มูลค่ายุติธรรมของสิ่งตอบแทนที่ได้รับหรือค้างรับ
· รับรู้รายได้จากการขายสินค้า เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อดังต่อไปนี้
o ได้โอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญให้กับผู้ซื้อแล้ว
o ไม่เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าอย่างต่อเนื่องในระดับที่เจ้าของพึงกระทำ
o สามารถวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของรายการบัญชีนั้น
o สามารถวัดมูลค่าของต้นทุนที่เกิดขึ้นหรือที่จะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากรายการบัญชีนั้นได้อย่างน่าเชื่อถือ
· รับรู้รายได้จากการให้บริการ ตามขั้นความสำเร็จของรายการ ณ วันที่ในงบการเงิน ผลของรายการสามารถประมาณได้อย่างน่าเชื่อถือเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อต่อไปนี้
o สามารถวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของรายการบัญชีนั้น
o สามารถวัดขั้นความสำเร็จของรายการบัญชี ณ วันที่ในงบการเงินได้อย่างน่าเชื่อถือ
o สามารถวัดมูลค่าของต้นทุนได้อย่างน่าเชื่อถือ
· รับรู้รายได้ในรูปดอกเบี้ย ค่าสิทธิ และเงินปันผล ที่เกิดจากให้ผู้อื่นใช้สินทรัพย์ของกิจการ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อดังต่อไปนี้
o สามารถวัดมูลค่าของจำนวนรายได้ได้อย่างน่าเชื่อถือ
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของรายการบัญชีนั้น
o ดอกเบี้ยรับ ต้องรับรู้ตามวิธีผลตอบแทนที่แท้จริงหรือวิธีอื่นที่ให้ผลไม่แตกต่างจากวิธีผลตอบแทนที่แท้จริงอย่างมีนัยสำคัญ
o ค่าสิทธิ ต้องรับรู้ตามเกณฑ์คงค้างซึ่งเป็นไปตามเนื้อหาของข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง
o เงินปันผล ต้องรับรู้เมื่อผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับเงินปันผล
· การรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้ง 3 ประเภท คือ การขายที่ดิน ขายที่ดินพร้อมสิ้งปลูกสร้าง และกสรขายอาคารชุด สามารถเลือกรับรู้รายได้หลายวิธี ตามเงื่อไขของการเกิดขึ้นของรายได้จากการขายนั้น คือ
o รับรู้รายได้ทั้งจำนวน
o รับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ
o รับรู้รายได้ตามเงินค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ
· เงื่อนไขการรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จหรือตามเงินค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ
o การขายเกิดขึ้นแล้ว (ขายอาคารชุดไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่
o ผู้ซื้อไม่มีสิทธิเรียกเงินคืน
o ผู้ซื้อและผู้ขายต้องมีความเป็นอิสระต่อกันหรือเป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติ
o เงินวางเริ่มแรกและเงินค่างวดของผู้ซื้อที่ชำระแล้วต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 20
o ผู้ขายมีความสามารถเก็บเงินได้ตามสัญญา
o งานพัฒนาและงานก่อสร้างของผู้ขายได้ผ่านขั้นตอนเบื้องต้นแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
o ผู้ขายมีความสามารถทางการเงินดี
o การก่อสร้างได้ก้าวหน้าไปด้วยดี
o ผู้ขายสามารถประมาณเงินรับจากการขายรวมและต้นทุนทั้งหมดที่ต้องใช้ในการก่อสร้างได้อย่างมีหลักเกณฑ์
· การรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ
o วิธีการกำหนดอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ
1. อัตราส่วนของต้นทุนการก่อสร้างที่เกิดขึ้น
2. การสำรวจเนื้องานที่ได้ทำแล้ว
3. ใช้ 1+2
o ผู้ซื้อผิดนัดชำระเงินเกินกว่า 3 งวดติดต่อกันและอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จสูงกว่าเงินค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ ให้หยุดการรับรู้รายได้ทันที
o ควรมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
· การรับรู้รายได้ตามเงินค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ
o ให้ใช้วิธีการรับรู้ตามอัตรากำไรขั้นต้น
o ในกรณีที่อัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จต่ำกว่าสัดส่วนของเงินที่ได้รับผ่อนชำระตามกำหนดต่อราคาขายผ่อนชำระ ให้รับรู้รายได้ไม่เกินอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ
o ผู้ซื้อผิดนัดชำระเงินเกินกว่า 3 งวดติดต่อกันและอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จสูงกว่าเงินค่างวดที่ถึงกำหนดชำระ ให้หยุดการรับรู้รายได้ทันที
o ควรมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
o ถ้าผู้ซื้อชำระเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดได้ก่อนและผู้ขายได้โอนความเสี่ยงและผลประโยชน์ให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ให้รับรู้จำนวนเงินดังกล่าวเป็นรายได้ทั้งจำนวนในงวดนั้น
สัญญาก่อสร้าง
· รายได้ค่าก่อสร้างประกอบด้วย
o จำนวนรายได้เมื่อเริ่มแรกตามที่ตกลงไว้ในสัญญา
o จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสัญญาอันเกิดจากการดัดแปลงงาน การเรียกร้องค่าชดเชย หรือการจ่ายเงินเพื่อจูงใจ หากเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อ ดังต่อไปนี้
· มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะก่อให้เกิดรายได้
· สามารถวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ
· ต้นทุนการก่อสร้างประกอบด้วยรายการทุกข้อต่อไปนี้
o ต้นทุนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับงานก่อสร้างตามสัญญา
o ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างโดยทั่วไป ซึ่งสามารถปันส่วนให้กับงานก่อสร้างตามสัญญา
o ต้นทุนอื่นที่สามารถเรียกเก็บจากผู้ว่าจ้างได้ภายใต้เงื่อนไขของสัญญาก่อสร้าง
· กิจการต้องรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างและต้นทุนการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับสัญญาก่อสร้างเป็นรายได้และค่าใช้จ่ายตามลำดับ โดยอ้างอิงกับขั้นความสำเร็จของงานก่อสร้าง ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน ( เพียงวิธีเดียว)
· กิจการต้องรับรู้ผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากงานก่อสร้างตามสัญญาเป็นค่าใช้จ่ายทันที
· การประมาณผลของงานก่อสร้าง ได้อย่างน่าเชื่อถือ กรณีสัญญาราคาคงที่
o รายได้ค่าก่อสร้างทั้งสิ้นสามารถวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง
o ต้นทุนการก่อสร้างที่จะต้องจ่ายจนเสร็จสามารถวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ และขั้นความสำเร็จของงานก่อสร้าง สามารถประมาณได้อย่างน่าเชื่อถือ
o ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างสามารถระบได้อย่างชัดเจนและวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ
· การประมาณผลของงานก่อสร้าง ได้อย่างน่าเชื่อถือ กรณีต้นทุนบวกส่วนเพิ่ม
o มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่จะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง
o ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างสามารถระบได้อย่างชัดเจนและวัดมูลค่าได้อย่างน่าเชื่อถือ ไม่ว่ากิจการจะสามารถเรียกต้นทุนนั้นคืนจากผู้ว่าจ้างได้หรือไม่
· การกำหนดขั้นความสำเร็จของงานก่อสร้าง
o อัตราส่วนของต้นทุนการก่อสร้างที่เกิดขึ้นของงานที่ทำเสร็จจนถึงปัจจุบัน กับ ประมาณการต้นทุนการก่อสร้างทั้งสิ้น
o การสำรวจเนื้องานที่ได้ทำแล้ว
o การสำรวจอัตราส่วนของงานก่อสร้างที่ทำเสร็จ กับ งานก่อสร้างทั้งหมดตามสัญญาโดยพิจารณาจากการสำรวจทางกายภาพ
· ถ้าไม่สามารถประมาณผลของงานก่อสร้างได้อย่างน่าเชื่อถือ
o ต้องรับรู้รายได้ไม่เกินกว่าต้นทุนการก่อสร้างที่เกิดขึ้น และมีความเป็นได้ค่อนข้างแน่ที่เรียกเก็บเงินในส่วนของต้นทุนนั้นจากผู้ว่าจ้างได้
o กิจการต้องรับรู้ต้นทุนการก่อสร้างที่เกิดขึ้นในระหว่างงวดเป็นค่าใช้จ่าย
· ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงประมาณการรายได้ค่าก่อสร้าง ต้นทุนค่าก่อสร้าง หรือผลของงานก่อสร้าง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประมาณการทางบัญชี
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
· รายการที่เป็นเงินตราต่างประเทศต้องบันทึกรายการ รับรู้มูลค่าเริ่มแรกเป็นสกุลเงินบาท โดยการแปลงจำนวนเงินตราต่างประเทศด้วยอัตราแลกเปลี่ยนทันทีของสกุลเงินบาทกับสกุลเงินตราต่างประเทศ ณ วันที่เกิดรายการ
· ณ วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีแต่ละงวด
o รายการที่เป็นตัวเงินให้แปลงค่าโดยใช้อัตราปิด
o รายการที่ไม่เป็นตัวเงินให้แปลงค่าโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เกิดรายการ
o รายการสินทรัพย์ที่เป็นตัวเงินที่อยู่ในสกุลเงินตราต่างประเทศ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารรับซื้อ
o รายการหนี้สินที่เป็นตัวเงินที่อยู่ในสกุลเงินตราต่างประเทศ ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารขาย
o ผลต่างที่เกิดขึ้นจากการชำระเงินของรายการที่เป็นตัวเงินหรือจากการแปลงค่าให้รับรู้ในงบกำไรขาดทุน
วันถือปฎิบัติ
มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะฉบับนี้ ให้ถือปฎิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป