หน้า ๓๗
เล่ม ๑๒๓ ตอนพิเศษ ๑๑๔ ง ราชกิจจานุเบกษา ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๙
ประกาศสภาวิชาชีพบัญชี
ฉบับที่ ๒๔/๒๕๔๙
เรื่อง มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ ๒๗ (ปรับปรุง ๒๕๔๙)
เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกัน
อาศัยอำนาจตามมาตรา ๗ (๓) และมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชีพ.ศ. ๒๕๔๗ ที่กำหนดให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดและปรับปรุงมาตรฐานการบัญชี เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการจัดทำบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี และกฎหมายอื่น ทั้งนี้มาตรฐานการบัญชีนั้น ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงจะใช้บังคับได้
สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยความเห็นชอบในการกำหนดมาตรฐานการบัญชีของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชีในการประชุมครั้งที่ ๕ (๒/๒๕๔๙) เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ จึงออกประกาศ ดังนี้
ให้ยกเลิกมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ ๒๗ เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกันตามประกาศ ก.บช. ฉบับที่ ๔๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓) เรื่อง มาตรฐานการบัญชี ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ และให้ใช้มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ ๒๗ (ปรับปรุง ๒๕๔๙) เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกันตามเอกสารที่แนบท้ายประกาศฉบับนี้แทน
ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
เกษรี ณรงค์เดช
นายกสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 27 (ปรับปรุง 2549)
เรื่อง
การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคาร
และสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกัน
คำแถลงการณ์
มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ได้ปรับปรุงถ้อยคำและแก้ไขรูปแบบให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นโดยมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศฉบับที่ 30 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกัน พ.ศ. 2548 ( IAS 30 Disclosures in the Financial Statements of Bank and Similar Financial Institutions (2005))
มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 27 (ปรับปรุง 2549) เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกัน
ขอบเขต
1. มาตรฐานฉบับนี้ใช้กับธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งในมาตรฐานการบัญชีฉบับนี้จะเรียกรวมกันว่าสถาบันการเงิน
2. มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ใช้แทนมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 27 เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกัน
งบกำไรขาดทุน
3. สถาบันการเงินต้องแสดงงบกำไรขาดทุน โดยการจัดหมวดหมู่ตามประเภทของรายได้และค่าใช้จ่าย และเปิดเผยจำนวนเงินของรายได้และค่าใช้จ่ายหลักประเภทต่างๆ
4. นอกจากข้อกำหนดต่างๆ ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับอื่นๆ การเปิดเผยข้อมูลในงบกำไรขาดทุนหรือหมายเหตุประกอบงบการเงิน อย่างน้อยต้องรวมถึงรายการรายได้และค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้
รายได้ดอกเบี้ยและที่คล้ายคลึงกับดอกเบี้ยรับ
ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและที่คล้ายคลึงกับดอกเบี้ยจ่าย
รายได้เงินปันผล
รายได้ค่าธรรมเนียมและค่านายหน้า
ค่าธรรมเนียมจ่ายและค่านายหน้า
กำไรหักด้วยขาดทุนที่เกิดจากหลักทรัพย์ที่มีไว้เพื่อซื้อขาย
กำไรหักด้วยขาดทุนที่เกิดจากหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน
กำไรหักด้วยขาดทุนที่เกิดจากธุรกรรมเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ
รายได้อื่นจากการดำเนินธุรกิจ
ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินให้กู้ยืม และเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้า
ค่าใช้จ่ายในการบริหารทั่วไป และ
ค่าใช้จ่ายอื่นในการดำเนินธุรกิจ
5. รายการที่เป็นรายได้และรายการที่เป็นค่าใช้จ่ายต้องไม่หักกลบลบกันในงบกำไรขาดทุน ยกเว้นรายการที่เกี่ยวกับการป้องกันความเสี่ยง และรายการที่เกี่ยวกับสินทรัพย์และหนี้สินที่ให้นำมาหักกลบลบกันตามที่ระบุในมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 48 เรื่อง การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลสำหรับตราสารการเงิน
งบดุล
6. สถาบันการเงินต้องแสดงงบดุลโดยการจัดหมวดหมู่ตามประเภทของสินทรัพย์และหนี้สินและเรียงสำดับตามสภาพคล่องของแต่ละรายการ
7. นอกเหนือจากข้อกำหนดต่างๆ ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับอื่นๆ การเปิดเผยข้อมูลในงบดุลหรือในหมายเหตุประกอบงบการเงิน อย่างน้อยต้องรวมถึงรายการสินทรัพย์และหนี้สินดังต่อไปนี้
สินทรัพย์
เงินสดและเงินฝากธนาคารแห่งประเทศไทย
ตั๋วเงินคลังและพันธบัตรอื่นซึ่งสามารถนำไปขายลดกับธนาคารแห่งประเทศไทยได้
หลักทรัพย์รัฐบาลและหลักทรัพย์อื่น ที่มีไว้เพื่อซื้อขาย
เงินฝากและเงินให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงินอื่น
เงินฝากและเงินให้กู้ยืมแก่ตลาดเงิน
เงินให้กู้ยืมและเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้า
หลักทรัพย์เพื่อการลงทุน
หนี้สิน
เงินรับฝากจากสถาบันการเงินอื่น
เงินรับฝากจากตลาดเงิน
เงินรับฝากจากผู้ฝาก
บัตรเงินฝาก
ตั๋วสัญญาใช้เงินและหนี้สินอื่นจากการออกตราสาร
เงินกู้ยืมอื่น
8. สถาบันการเงินต้องเปิดเผยมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์และหนี้สินทางการเงินแต่ละชนิดตามที่กำหนดในมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 48 เรื่อง การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลสำหรับตราสารการเงินหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและภาระผูกพันรวมทั้งรายการนอกงบดุล
9. สถาบันการเงินต้องเปิดเผยหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและภาระผูกพันทุกข้อดังต่อไปนี้
9.1 ลักษณะและจำนวนเงินของภาระผูกพันเกี่ยวกับการให้กู้ยืมที่เพิกถอนไม่ได้ เนื่องจากภาระผูกพันดังกล่าว สถาบันการเงินไม่อาจใช้ดุลพินิจในการยกเลิกได้โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกปรับหรือเกิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินสูง
9.2 ลักษณะและจำนวนเงินของหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและภาระผูกพันที่เกิดจากรายการนอกงบดุลซึ่งรวมถึงรายการที่เกี่ยวกับ
9.2.1 การทดแทนการให้กู้ยืมทางตรงซึ่งรวมถึงการค้ำประกันการกู้ยืมเงิน การรับรองตั๋วเงินและการออกเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อการค้ำประกันเงินกู้ยืมและหลักทรัพย์
9.2.2 รายการเกี่ยวกับหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นซึ่งรวมถึงสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา สัญญาค้ำประกันการยื่นซองประกวดราคา การรับประกัน และเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อการค้ำประกันรายการเป็นการเฉพาะ
9.2.3 หนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นที่เกี่ยวกับการค้าซึ่งภาระดังกล่าวจะสิ้นสุดไปเมื่อมีการส่งมอบสินค้า เช่น เครดิตที่มีเอกสารการค้าประกอบโดยใช้สินค้าตามเอกสารการค้านั้นเป็นหลักประกัน
9.2.4 ภาระผูกพันอื่น เช่น วงเงินในการออกตั๋วเงิน และวงเงินหมุน เวียนเพื่อประกันการจำหน่ายตราสารทางการเงิน
วันที่ครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สิน
10. สถาบันการเงินต้องเปิดเผยการวิเคราะห์สินทรัพย์และหนี้สินโดยการจัดกลุ่มตามวันที่ครบกำหนด ตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ ณ วันที่ในงบดุล ถึงวันที่ครบกำหนดตามสัญญา
การกระจุกตัวของสินทรัพย์ หนี้สิน และรายการนอกงบดุล
11. สถาบันการเงินต้องเปิดเผยรายการสินทรัพย์ หนี้สิน และรายการนอกงบดุล ตามลักษณะของการกระจุกตัวที่มีนัยสำคัญ การเปิดเผยดังกล่าวต้องจำแนกกลุ่มออกตามภูมิศาสตร์ กลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มอุตสาหกรรมหรือตามการกระจุกตัวของความเสี่ยงใด ๆ รวมทั้งต้องเปิดเผยฐานะเงินตราต่างประเทศสุทธิที่มีนัยสำคัญด้วย
ผลขาดทุนจากการให้กู้ยืมและเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้า
12. สถาบันการเงินต้องเปิดเผยรายการดังต่อไปนี้
12.1 นโยบายการบัญชีเกี่ยวกับเกณฑ์การรับรู้เงินให้กู้ยืมและเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้าที่เรียกเก็บไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายและตัดออกจากบัญชี
12.2 รายละเอียดการเคลื่อนไหวของค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมและเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้าในระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี และต้องเปิดเผยรายการต่อไปนี้แยกต่างหากจากกันคือ ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ จำนวนหนี้สูญที่ตัดบัญชี และหนี้สูญรับคืนภายในรอบระยะเวลาบัญชีนั้น
12.3 จำนวนเงินค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งสิ้น ณ วันที่ในงบดุล และจำนวนเงินที่กันไว้สำหรับผลขาดทุนที่เกิดจากเงินให้กู้ยืมและเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อลูกค้า
13. ส่วนที่เกินจากจำนวนผลขาดทุนจากการด้อยค่าที่รับรู้แล้วตามมาตรฐานการบัญชีเรื่องการรับรู้และการวัดมูลค่าตราสารการเงิน (เมื่อมีการประกาศใช้) และจำนวนที่คาดจากประสบการณ์ว่าจะขาดทุน ให้ถือเป็นรายการจัดสรรจากกำไรสะสม รายการเครดิตซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของรายการจัดสรรดังกล่าวให้นำไปเพิ่มกำไรสะสม และไม่นำไปรวมในการคำนวณกำไรหรือขาดทุนสำหรับงวด
ความเสี่ยงโดยทั่วไปของสถาบันการเงิน
14. จำนวนเงินที่กันไว้สำหรับความเสี่ยงโดยทั่วไปของสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงผลขาดทุนในอนาคตและความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดได้หรือเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า ต้องเปิดเผยเป็นรายการแยกต่างหากโดยแสดงเป็นรายการจัดสรรจากกำไรสะสม รายการเครดิตซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของรายการจัดสรรดังกล่าวให้นำไปเพิ่มกำไรสะสม ต้องไม่นำไปรวมในการคำนวณกำไรหรือขาดทุน
สินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน
15. สถาบันการเงินต้องเปิดเผยให้ทราบถึงจำนวนหนี้สินที่มีประกันทั้งสิ้น พร้อมทั้งเปิดเผยลักษณะ ประเภทและมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกัน
วันถือปฏิบัติ
16. มาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 27 (ปรับปรุง 2549) เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของธนาคารและสถาบันการเงินที่คล้ายคลึงกันนี้ ให้ถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2550 เป็นต้น