ตัวอย่างรายงานผู้สอบบัญชีของมูลนิธิ
รายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
เสนอ สมาชิกและกรรมการ มูลนิธิ ....
ความเห็น
ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบงบการเงินของ มูลนิธิ ..... ซึ่งประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 งบรายรับและรายจ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันและหมายเหตุประกอบงบการเงินรวมถึงหมายเหตุสรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ
ข้าพเจ้าเห็นว่า งบการเงินข้างต้นนี้แสดงฐานะการเงินของ มูลนิธิ ..... ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ผลการดำเนินงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
เกณฑ์ในการแสดงความเห็น
ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชี ความรับผิดชอบของข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ใน
วรรคความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชีต่อการตรวจสอบงบการเงินในรายงานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความเป็นอิสระจากมูลนิธิฯตามประมวลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี รวมถึง มาตรฐานเรื่องความเป็นอิสระที่กำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี (ประมวลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบงบการเงิน และข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามความรับผิดชอบด้านจรรยาบรรณอื่น ๆ ตามประมวลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ข้าพเจ้าเชื่อว่าหลักฐานการสอบบัญชีที่ข้าพเจ้าได้รับเพียงพอและเหมาะสมเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการแสดงความเห็นของข้าพเจ้า
ความรับผิดชอบของผู้บริหารต่องบการเงิน
ผู้บริหารมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำและนำเสนองบการเงินเหล่านี้โดยถูกต้องตามที่ควรตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ และรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมภายในที่ผู้บริหารพิจารณาว่าจำเป็นเพื่อให้สามารถจัดทำงบการเงินที่ปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาดในการจัดทำงบการเงิน ผู้บริหารรับผิดชอบในการประเมินความสามารถของมูลนิธิฯในการดำเนินงานต่อเนื่อง เปิดเผยเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินงานต่อเนื่อง และการใช้เกณฑ์การบัญชีสำหรับการดำเนินงานต่อเนื่องเว้นแต่ผู้บริหารมีความตั้งใจที่จะเลิกมูลนิธิฯหรือหยุดดำเนินงานหรือไม่สามารถดำเนินงานต่อเนื่องต่อไปได้
ความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชีต่อการตรวจสอบงบการเงิน
การตรวจสอบของข้าพเจ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลว่างบการเงินโดยรวมปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาด และเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีซึ่งรวมความเห็นของข้าพเจ้าอยู่ด้วย ความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลคือความเชื่อมั่นในระดับสูงแต่ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าการปฏิบัติงานตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชีจะสามารถตรวจพบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญที่มีอยู่ได้เสมอไป ข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอาจเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาดและถือว่ามีสาระสำคัญเมื่อคาดการณ์ได้อย่างสมเหตุสมผลว่ารายการที่ขัดต่อข้อเท็จจริงแต่ละรายการหรือทุกรายการรวมกันจะมีผลต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจของผู้ใช้งบการเงินจากการใช้งบการเงินเหล่านี้
ในการตรวจสอบของข้าพเจ้าตามมาตรฐานการสอบบัญชี ข้าพเจ้าได้ใช้ดุลยพินิจและการสังเกตและสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพตลอดการตรวจสอบ การปฏิบัติงานของข้าพเจ้ารวมถึง
· ระบุและประเมินความเสี่ยงจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในงบการเงินไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาด ออกแบบและปฏิบัติงานตามวิธีการตรวจสอบเพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงเหล่านั้น และได้หลักฐานการสอบบัญชีที่เพียงพอและเหมาะสมเพื่อเป็นเกณฑ์ในการแสดงความเห็นของข้าพเจ้า ความเสี่ยงที่ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญซึ่งเป็นผลมาจากการทุจริตจะสูงกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากข้อผิดพลาด เนื่องจากการทุจริตอาจเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิด การปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน การตั้งใจละเว้นการแสดงข้อมูล การแสดงข้อมูลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงหรือการแทรกแซงการควบคุมภายใน
· ทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ เพื่อออกแบบวิธีการตรวจสอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์ในการแสดงความเห็นต่อความมีประสิทธิผลของการควบคุมภายในของมูลนิธิฯ
· ประเมินความเหมาะสมของนโยบายการบัญชีที่ผู้บริหารใช้และความสมเหตุสมผลของประมาณการทางบัญชีและการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องซึ่งจัดทำขึ้นโดยผู้บริหาร
· สรุปเกี่ยวกับความเหมาะสมของการใช้เกณฑ์การบัญชีสำหรับการดำเนินงานต่อเนื่องของผู้บริหารและจากหลักฐานการสอบบัญชีที่ได้รับ สรุปว่ามีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่อาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถของมูลนิธิฯในการ ดำเนินงานต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าข้าพเจ้าได้ข้อสรุปว่ามีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญ ข้าพเจ้าต้องกล่าวไว้ในรายงานของผู้สอบบัญชีของข้าพเจ้าโดยให้ข้อสังเกตถึงการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินที่เกี่ยวข้อง หรือถ้าการเปิดเผยดังกล่าวไม่เพียงพอ ความเห็นของข้าพเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไป ข้อสรุปของข้าพเจ้าขึ้นอยู่กับหลักฐานการสอบบัญชีที่ได้รับจนถึงวันที่ในรายงานของผู้สอบบัญชีของข้าพเจ้า อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอนาคตอาจเป็นเหตุให้มูลนิธิฯต้องหยุดการดำเนินงานต่อเนื่อง
· ประเมินการนำเสนอ โครงสร้างและเนื้อหาของงบการเงินโดยรวม รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลว่างบการเงินแสดงรายการและเหตุการณ์ในรูปแบบที่ทำให้มีการนำเสนอข้อมูลโดยถูกต้องตามที่ควรหรือไม่
ข้าพเจ้าได้สื่อสารกับผู้บริหารในเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงขอบเขตและช่วงเวลาของการตรวจสอบตามที่ได้วางแผนไว้ ประเด็นที่มีนัยสำคัญที่พบจากการตรวจสอบ รวมถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญในระบบการควบคุมภายในหากข้าพเจ้าได้พบในระหว่างการตรวจสอบของข้าพเจ้า
นาย/นาง..........
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
เลขทะเบียน..........
สำนักงาน....
สมุทรปราการ : 5 มีนาคม 2566
ตัวอย่างรายงานผู้สอบบัญชีของสมาคม
รายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
เสนอ สมาชิกและคณะกรรมการ สมาคม..........
ความเห็น
ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบงบการเงินของ สมาคม....... ซึ่งประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 งบรายรับและรายจ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันและหมายเหตุประกอบงบการเงินรวมถึงสรุปนโยบายการบัญชีที่สำคัญ
ข้าพเจ้าเห็นว่า งบการเงินข้างต้นนี้แสดงฐานะการเงินของ สมาคม......... ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 และผลการดำเนินงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
เกณฑ์ในการแสดงความเห็น
ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติงานตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชี ความรับผิดชอบของข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ใน
วรรคความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชีต่อการตรวจสอบงบการเงินในรายงานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความเป็นอิสระจากบริษัทตามประมวลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี รวมถึง มาตรฐานเรื่องความเป็นอิสระ
ที่กำหนดโดยสภาวิชาชีพบัญชี (ประมวลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ
การตรวจสอบงบการเงิน และข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามความรับผิดชอบด้านจรรยาบรรณอื่น ๆ ตามประมวลจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ข้าพเจ้าเชื่อว่าหลักฐานการสอบบัญชีที่ข้าพเจ้าได้รับเพียงพอและเหมาะสมเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการแสดงความเห็นของข้าพเจ้า
ความรับผิดชอบของผู้บริหารต่องบการเงิน
ผู้บริหารมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำและนำเสนองบการเงินเหล่านี้โดยถูกต้องตามที่ควรตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ และรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมภายในที่ผู้บริหารพิจารณาว่าจำเป็นเพื่อให้สามารถจัดทำงบการเงินที่ปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาด
ในการจัดทำงบการเงิน ผู้บริหารรับผิดชอบในการประเมินความสามารถของสมาคมฯในการดำเนินงานต่อเนื่อง เปิดเผยเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินงานต่อเนื่อง และการใช้เกณฑ์การบัญชีสำหรับการดำเนินงานต่อเนื่อง เว้นแต่ผู้บริหารมีความตั้งใจที่จะเลิกสมาคมฯหรือหยุดดำเนินงานหรือไม่สามารถดำเนินงานต่อเนื่องต่อไปได้
ความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชีต่อการตรวจสอบงบการเงิน
การตรวจสอบของข้าพเจ้ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลว่างบการเงินโดยรวมปราศจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาด และเสนอรายงานของผู้สอบบัญชีซึ่งรวมความเห็นของข้าพเจ้าอยู่ด้วย ความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลคือความเชื่อมั่นในระดับสูงแต่ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าการปฏิบัติงานตรวจสอบตามมาตรฐานการสอบบัญชีจะสามารถตรวจพบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญที่มีอยู่ได้เสมอไป ข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอาจเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาดและถือว่ามีสาระสำคัญเมื่อคาดการณ์ได้อย่างสมเหตุสมผลว่ารายการที่ขัดต่อข้อเท็จจริงแต่ละรายการหรือทุกรายการรวมกันจะมีผลต่อการตัดสินใจทางเศรษฐกิจของผู้ใช้งบการเงินจากการใช้งบการเงินเหล่านี้
ในการตรวจสอบของข้าพเจ้าตามมาตรฐานการสอบบัญชี ข้าพเจ้าได้ใช้ดุลยพินิจและการสังเกตและสงสัยเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพตลอดการตรวจสอบ การปฏิบัติงานของข้าพเจ้ารวมถึง
· ระบุและประเมินความเสี่ยงจากการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญในงบการเงินไม่ว่าจะเกิดจากการทุจริตหรือข้อผิดพลาด ออกแบบและปฏิบัติงานตามวิธีการตรวจสอบเพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงเหล่านั้น และได้หลักฐานการสอบบัญชีที่เพียงพอและเหมาะสมเพื่อเป็นเกณฑ์ในการแสดงความเห็นของข้าพเจ้า ความเสี่ยงที่ไม่พบข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญซึ่งเป็นผลมาจากการทุจริตจะสูงกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากข้อผิดพลาด เนื่องจากการทุจริตอาจเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิด การปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน การตั้งใจละเว้นการแสดงข้อมูล การแสดงข้อมูลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงหรือการแทรกแซงการควบคุมภายใน
· ทำความเข้าใจในระบบการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ เพื่อออกแบบวิธีการตรวจสอบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ไม่ใช่เพื่อวัตถุประสงค์ในการแสดงความเห็นต่อความมีประสิทธิผลของการควบคุมภายในของสมาคมฯ
· ประเมินความเหมาะสมของนโยบายการบัญชีที่ผู้บริหารใช้และความสมเหตุสมผลของประมาณการทางบัญชีและการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องซึ่งจัดทำขึ้นโดยผู้บริหาร
· สรุปเกี่ยวกับความเหมาะสมของการใช้เกณฑ์การบัญชีสำหรับการดำเนินงานต่อเนื่องของผู้บริหารและจากหลักฐานการสอบบัญชีที่ได้รับ สรุปว่ามีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่อาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถของสมาคมฯในการ ดำเนินงานต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าข้าพเจ้าได้ข้อสรุปว่ามีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญ ข้าพเจ้าต้องกล่าวไว้ในรายงานของผู้สอบบัญชีของข้าพเจ้าโดยให้ข้อสังเกตถึงการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินที่เกี่ยวข้อง หรือถ้าการเปิดเผยดังกล่าวไม่เพียงพอ ความเห็นของข้าพเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไป ข้อสรุปของข้าพเจ้าขึ้นอยู่กับหลักฐานการสอบบัญชีที่ได้รับจนถึงวันที่ในรายงานของผู้สอบบัญชีของข้าพเจ้า อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หรือสถานการณ์ในอนาคตอาจเป็นเหตุให้สมาคมฯต้องหยุดการดำเนินงานต่อเนื่อง
· ประเมินการนำเสนอ โครงสร้างและเนื้อหาของงบการเงินโดยรวม รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลว่างบการเงินแสดงรายการและเหตุการณ์ในรูปแบบที่ทำให้มีการนำเสนอข้อมูลโดยถูกต้องตามที่ควรหรือไม่
ข้าพเจ้าได้สื่อสารกับผู้บริหารในเรื่องต่างๆ ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงขอบเขตและช่วงเวลาของการตรวจสอบตามที่ได้วางแผนไว้ ประเด็นที่มีนัยสำคัญที่พบจากการตรวจสอบ รวมถึงข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญในระบบการควบคุมภายในหากข้าพเจ้าได้พบในระหว่างการตรวจสอบของข้าพเจ้า
นาย/นาง.....
ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
เลขทะเบียน ......
บริษัท..........
สมุทรปราการ : 8 เมษายน 2566
หลักการบัญชี : กิจการที่ไม่แสวงหากำไร : มูลนิธิ สมาคม นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
สถานศึกษา โรงพยาบาล วัด สมาคม สโมสร มูลนิธิ ชมรมต่างๆ นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
กิจการประเภทที่จัดตั้งขึ้นโดยมิได้มุ่งหวังผลกําไร หรือมิได้แสวงหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกิจการที่ไม่แสวงหากําไรจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่ประชาชนหรือสมาชิก รวมถึงการทําประโยชน์ให้กับสังคมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การส่งเสริม กิจกรรมทางสังคม การดําเนินกิจกรรมเพื่อการกุศลและสาธารณประโยชน์ การจัดการทรัพย์สินและสาธารณูโภคส่วนกลาง(กรณีหมู่บ้านจัดสรรและอาคารชุด) รวมถึงเพื่อการสันทนาการ เป็นต้น โดยไม่มีความมุ่งหมายที่จะแสวงหาผลกําไรหรือมุ่งหวังผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน ซึ่งการดําเนินงานของกิจการที่ไม่แสวงหากําไรอาจอยู่ในรูปขององค์กรต่างๆ เช่น สถานศึกษา โรงพยาบาล วัด สมาคม สโมสร มูลนิธิ ชมรมต่างๆ นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร เป็นต้น
โดยองค์การที่่ก่อตั้งขึ้นมานั้น จะมีการกำหนดข้อบังคับ ระเบียบ วิธีจัดการ และวัตถุประสงค์ มีการตั้งกองทุน การเรียกเก็บเงิน ค่าบำรุงสมาชิก รายรับต่างๆ และรายจ่ายต่างๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการ จัดทำบัญชี สำหรับเงินกองทุน และรายรับรายจ่ายดังกล่าว โดยผู้จัดทำบญชี คือ เหรัญญิก ของ สโมสรและสมาคม หรือ พนักงานบัญชีและการเงิน
การก่อตั้งและทุนในการดําเนินการ
การจัดตั้งองค์กรโดยมิได้แสวงหาผลกําไรจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการดําเนินกิจกรรมทางสังคม และจากการที่เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไรทําให้ไม่มีส่วนของเจ้าของ ดังนั้นแหลงเงินทุนที่ใชjในการดําเนินกิจกรรมอาจมาจากการสนับสนุนจากรัฐบาล การรับบริจาค และเงินค่าสมาชิกเป็นต้น ในการก่อตั้งองค์กรดังกล่าว สามารถแบ่งออก ตามกลุ่มผู้จัดตั้งได้ดังนี้
1. องค์กรที่ก่อตั้งโดยภาครัฐบาล เป็นองค์กรไม่แสวงหากําไรที่จัดตั้งขึ้นภายใต้การกํากับดูแลโดยกฎหมาย ได้แก่โรงพยาบาล สถานศึกษา วัด เป็นต้น โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการดําเนินการจะมาจากงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ เงินบริจาค และเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นต้น
2. องค์กรที่ก่อตั้งโดยภาคเอกชน ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคน หรือสมาชิก เพื่อดําเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสมาชิกขององค์กร เช่น การกีฬา การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมรวมถึงการบําเพ็ญประโยชน์ให้สังคม เป็นต้น องค์กรดังกล่าวอาจดําเนินกิจกรรมในรูปของมูลนิธิสมาคม ชมรม หรือสโมสร หรือนิติบุคคลอาคารชุด/นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร โดยต้องอยู่ภายใตการกํากับดูแลจากทางภาครัฐ แหลjงเงินทุนที่ใช้ในการดําเนินกิจกรรมจะมาจากค่าสมาชิก เงินบริจาค เงินค่าลงทะเบียน และเงินที่ได้จากการจัดกิจกรรมขององค์กร
รายรับและรายจ่าย
รายรับ ของกิจการที่ไม่แสวงหาผลกําไรอาจประกอบด้วยรายการดังต่อไปนี้ คือ รายรับจากเงินค่าสมาชิก ค่าบริการที่เรียกเก็บ ดอกเบี้ยรับ เงินปันผล เงินบริจาค เงินค่าลงทะเบียนเงินสนับสนุน รายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆ รายได้ค่าบํารุงการศึกษา ค่าหน่วยกิจ และรายได้จากการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับรูปแบบขององค์กรที่จัดตั้งขึ้นว่าเป็นรูปแบบใดรายได้ก็จะมีความแตกต่างกันไป
รายจ่าย ของกิจการที่ไม่แสวงหาผลกําไรจะประกอบด้วยรายจ่ายที่สําคัญดังต่อไปนี้ คือ รายจ่ายดําเนินงาน รวมทั้งต้นทุนของสินค้าและบริการที่จัดมาจําหน่าย รวมถึงเงินบริจาคที่ช่วยเหลือแก่สังคม เป็นต้น
การบริหารและควบคุมการดําเนินงาน
จากการที่องคกรไมแสวงหาผลกําไรไดรับเงินอุดหนุนจากแหลงเงินทุนตางๆ ซึ่งมีวัตถุประสงคเพื่อสนับสนุนการดําเนินงานขององคกรที่แตกตางกันไป ดังนั้นเพื่อใหการใชเงินเปนไปตามวัตถุประสงคของผูสนับสนุน ทางองคกรอาจนําระบบกองทุนเขามาชวยในการบริหารและควบคุมการดําเนินงานขององคกร โดยแตละกองทุนจะถือเปนหนวยงานอิสระทางการเงิน มีสินทรัพย และระบบบัญชีตางๆ ที่สมบูรณของตนเอง องคกรที่ไมแสวงหาผลกําไรในแตละองคกรอาจประกอบดวยกองทุนเพียงกองทุนเดียว หรือหลายกองทุนก็ไดขึ้นอยูกับความเหมาะสมของแตละองคกร โดยกองทุนที่จัดตั้งขึ้นอาจประกอบดวยกองทุนตาง ๆ ดังนี้
1. กองทุนทั่วไปหรือกองทุนดําเนินงาน เปนกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยไมมีการกําหนดวัตถุประสงคการดําเนินงานไวเฉพาะเจาะจง แตจะทําหนาที่ในการบริหารงานทั่วไปขององคกร
2. กองทุนเฉพาะกิจ เปนกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงคในการดําเนินงานเฉพาะตามที่ผูใหการสนับสนุนดานเงินทุนกําหนดไว ไดแก กองทุนไดรับเงินสนับสนุนเพื่อชวยเหลือผูติดเอดส กองทุนไดรับเงินสนับสนุนเพื่อชวยเหลือผูประสบภัยตาง ๆ หรือกองทุนไดรับเงินสนับสนุนเพื่อชวยเหลือคนยากไร เปนตน
3. กองทุนจัดหาผลประโยชน เปนกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงคเพื่อทําการบริหารเงินทุนที่ไดรับจากการสนับสนุน เพื่อใหเกิดดอกผลและโอนดอกผลดังกลาวไปใหกองทุนตาง ๆเพื่อใชในการดําเนินงาน สวนเงินตนที่ไดรับการสนับสนุนในตอนแรกสวนมากจะไมถูกนําไปใชจาย
4. กองทุนจัดหาสินทรัพยถาวร เปนกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงคในการจัดหาสินทรัพยถาวร หรือสิ่งอํานวยความสะดวกที่มีอายุการใชงานนาน และมีมูลคาสูง ๆ เชน อาคาร ยานพาหนะ เปนตน
5. กองทุนทรัสตและกองทุนตัวแทน เปนกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อทําหนาที่ดําเนินการเกี่ยวกับทรัพยสินของบุคคลอื่นหรือหนวยงานอื่นที่เขามาอยูในความดูแล โดยกองทุนอาจทําหนาที่ในฐานะผูบริหารจัดการผลประโยชน หรือผูดูแลรักษาสินทรัพยดังกลาว
การบัญชีสําหรับกิจการไมแสวงหาผลกําไร
กิจการที่ไมแสวงหาผลกําไรที่จัดตั้งโดยภาครัฐ หรือภาคเอกชน ถึงแมจะไมมีวัตถุประสงค เพื่อแสวงหากําไร แตก็มีความจําเปนที่จะตองจัดทําบัญชี และรายงานทางการเงิน เพื่อใหสมาชิกบุคคลทั่วไป รวมถึงหนวยงานที่เกี่ยวของไดรับทราบถึงฐานะทางการเงิน รายไดรายจาย ที่มีผลตอกองทุนขององคกรนั้นๆ รวมถึงไดมีการดําเนินงานใหเปนไปตามวัตถุประสงคที่กําหนดไวหรือไม และจากการที่องคกรตองมีการควบคุมคาใชจายใหเปนไปตามวัตถุประสงคของแหลงเงินที่ใหการสนับสนุน องคกรที่ไมแสวงหาผลกําไรจึงไดนําระบบบัญชีกองทุนมาชวยในการควบคุมการดําเนินงาน
การจัดทําบัญชีกองทุน ไดมีการนําหลักการบัญชีการเงินที่ใชกับองคกรธุรกิจทั่วไปมาปรับใชกับองคกรที่มิไดมุงแสวงหาผลกําไร ทําใหวิธีการบันทึกบัญชีทั้งสององคกรมีความใกลเคียงกันแตอาจจะมีความแตกตางกันบาง ในเรื่องการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการรับรูรายได คาใชจายและการคิดคาเสื่อมราคา ที่จะตองมีการปรับวิธีการบันทึกบัญชีใหมีความสอดคลองกับองคกรที่มิไดมุงแสวงหาผลกําไร ในแตละองคกร องคกรที่ไมแสวงหากําไรอาจประกอบดวยกองทุนเพียงกองทุนเดียว หรือหลายกองทุน ซึ่งแตละกองทุนจะถือเปนหนวยงานอิสระทางการเงินมีสินทรัพยและระบบบัญชีเปนของตนเอง ซึ่งในแตละกองทุนอาจเลือกใชหลักเกณฑในการบันทึกบัญชีดังนี้
1.การบันทึกบัญชีเกณฑเงินสด คือเกณฑที่กองทุนจะทําการบันทึกบัญชีรายไดและรายจายก็ตอเมื่อไดมีการรับเงินสดเขามา และจายเงินสดออกไป
2.การบันทึกบัญชีเกณฑคงคาง คือเกณฑที่กองทุนจะทําการบันทึกบัญชีรายไดหรือรายจายทันทีเมื่อมีรายไดหรือรายจายเกิดขึ้น โดยไมคํานึงถึงวาจะมีการรับเงินสดเขามา หรือไดจายเงินสดออกไปหรือยัง แตในทางปฏิบัติแมจะมีการบันทึกบัญชีโดยใชหลักคงคางแตถาเปนรายการรายรับหรือรายจายที่มีจํานวนเงินไมมากอาจทําการบันทึกบัญชีโดยใชเกณฑเงินสด เชน รายการรายไดเบ็ดเตล็ด รายจายเบ็ดเตล็ด ดอกเบี้ยจายเปนตน
3.การบันทึกบัญชีเกณฑผสม คือเกณฑที่กองทุนจะทําการบันทึกบัญชีรายไดตอเมื่อไดรับเงินสดเขามา แตจะบันทึกบัญชีรายจายทันทีเมื่อมีรายจายเกิดขึ้นโดยไมคํานึงวาจะมีการจายเงินสดออกไปหรือยัง
การบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวรและค่าเสื่อมราคา
เมื่อกิจการที่ไม่แสวงหากําไรได้รับสินทรัพย์ถาวรมาอยูในความดูแล กิจการจะต้องทําบันทึกบัญชีจากการได้รับสินทรัพย์ดังกล่าวเข้ามาอยู่ในความดูแล โดยถ้าเป็นองค์กรที่ไมแสวงหาผลกําไรที่ประกอบดวยกองทุนเพียงกองทุนเดียวอาจบันทึกบัญชีเชนเดียวกับภาคธุรกิจ แตถาเปนองคกรที่ประกอบดวยกองทุนหลายกองทุนและมีการแยกกองทุนสินทรัพยถาวรออกมาตางหากอาจใชวิธีการบันทึกบัญชีวิธีใดวิธีหนึ่งดังนี้
1. การบันทึกสินทรัพย์ถาวรที่ได้รับมาเป็นค่าใช้ประจํางวดทั้งจํานวน และไม่มีการคิดค่าเสื่อมราคา ซึ่งวิธีนี้เหมาะสําหรับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไรที่จัดตั้งโดยภาครัฐ หรือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่สูงมากเพราะเวลาที่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายจะไม่ส่งผลกระทบต่องบการเงินประจําปี โดยมีวิธีการบันทึกบัญชี ดังนี้
เดบิต ค่าใช้จ่ายซื้อสินทรัพย์ถาวร xxx
เครดิต เงินสด หรือเงินฝากธนาคาร xxx
2. การบันทึกบัญชีสินทรัพย์ถาวร และค่าเสื่อมราคาเช่นเดียวกับการบันทึกบัญชีของภาคธุรกิจ โดยเมื่อมีการรับสินทรัพย์ถาวรเข้ามา จะบันทึกบัญชี โดย
เดบิต สินทรัพย์ถาวร xxx
เครดิต เงินสด หรือเงินฝากธนาคาร xxx
และเมื่อถึงตอนสิ้นงวดจะมีการบันทึกบัญชีรายการปรับปรุงค่าเสื่อมราคา โดย
เดบิต ค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวร xxx
เครดิต ค่าเสื่อมราคาสะสมสินทรัพย์ถาวร xxx
การบันทึกบัญชีรายการรับรู้รายได้และรายจ่าย
ในการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการรับรู้รายได้และรายจ่ายของกิจการที่ไม่แสวงหาผลกําไรที่จัดตั้งโดยภาคเอกชน ส่วนใหญ่สามารถใช้หลักเกณฑ์การบันทึกบัญชีเช่นเดียวกับระบบบัญชีการเงินของภาคธุรกิจที่ใช้เกณฑ์คงค้างเพื่อให้การรับรู้รายได้และค่าใช้ตรงตามงวด และใชเกณฑ์เงินสดกรณีที่รายรับและรายจ่ายมีความไม่แน่นอน ไม่เกิดขึ้นเป็นประจํา และไม่มีสาระสําคัญ แต่มีรายรับและรายจ่ายบางรายการที่องค์กรไม่แสวงหากําไรจะต้องมีการปรับวิธีการบันทึกบัญชีในการรับรู้รายได้ให้เหมาะสมกับองค์กรซึ่งจะแตกต่างไปจากธุรกิจทั่วไป โดยได้แก่รายการดังต่อไปนี้
1. รายได้ค่าบำรุงสมาชิก กรณีที่องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไรมีการเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในกรณีที่เป็นค่าสมาชิก ถ้าองค์กรบันทึกเป็นรายได้รับล่วงหน้าทั้งจํานวนเวลาปรับปรุงรายการตอนสิ้นปีอาจทําได้ไม่ถูกต้องเนื่องจากไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสมาชิกจะมีอายุยืนยาวเท่าไร ดังนั้นควรใช้เกณฑ์เงินสดในการบันทึกบัญชีรับรู้รายได้ดังกล่าว
2. รายได้จากเงินอุดหนุนระยะยาว ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทุกปี โดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายว่าจะต้องได้รับการสนับสนุนทุกๆ ปี องค์กรควรบันทึกบัญชีโดยใช้เกณฑ์เงินสด
3. รายการสินค้าและวัสดุ ที่องค์กรแสวงหาผลกําไรได้จัดซื้อมา ถ้ากรณีมีมูลค่าไม่มากอาจบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายได้ทั้งจํานวนในงวดนั้น แต่ถ้ามีมูลค่ามากควรบันทึกเป็นสินทรัพย์เมื่อได้รับมาในงวดนั้น แล้วค่อยบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อมีการใช้จริง
สมุดบัญชี
สมุดบัญชีที่ใช้ในการบันทึกบัญชีขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร จะมีลักษณะเหมือกับกิจการภาคธุรกิจที่แสวงหาผลกําไร โดยจะประกอบด้วย
1. สมุดขั้นต้น ซึ่งได้แก่ สมุดรายวันทั่วไป และสมุดรายวันเฉพาะ
2. สมุดขั้นปลาย ได้แก่ สมุดแยกประเภททั่วไป
การปดบัญชีและจัดทํางบการเงิน
ณ วันสิ้นงวดบัญชี กิจการที่ไม่แสวงหาผลกําไรจะต้องดําเนินการปิดบัญชีและจัดทํางบการเงินเพื่อให้สมาชิกและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบถึงฐานะการเงิน และการดําเนินงานที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้หรือไม่ โดยการปิดบัญชีจะประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
1. ปิดบัญชีรายได้รายจ่าย โดยจะปิดบัญชีรายได้และรายจ่ายเข้าบัญชีเงินกองทุน สําหรับกิจการไม่แสวงหากําไรที่ประกอบด้วยกองทุนเดียวจะมีความยุ่งยากน้อยกว่า กิจการที่ประกอบดวยหลายกองทุนเพราะจะต้องมีการแยกบัญชีรายได้และรายจ่ายที่ต้องปิดออกเป็นของแต่ละกองทุนโดยการปิดบัญชีสามารถบันทึกได้ดังนี้
เดบิต รายได้ xxx
รายได้ต่ํากว่ารายจ่าย(กรณีรายได้ต่ํากว่ารายจ่าย) xxx
เครดิต รายจ่าย xxx
รายได้สูงกว่ารายจ่าย(กรณีรายได้สูงกว่ารายจ่าย) xxx
2. ปิดบัญชีรายได้สูง(ต่ํา)กว่ารายจ่าย เข้าบัญชีกองทุน
กรณีรายได้สูงกวารายจ่าย
เดบิต รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย xxx
เครดิต กองทุน xxx
กรณีรายได้ต่ํากว่ารายจ่าย
เดบิต กองทุน xxx
เครดิต รายได้ต่ํากว่าใช้จ่าย xxx
ในการจัดทํางบการเงินของกิจการที่ไม่แสวงหาผลกําไรจะประกอบด้วย
1. งบดุล คืองบที่แสดงถึงฐานะการเงินขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร ณ วันสิ้นรอบ ระยะเวลาบัญชี มีลักษณะใกล้เคียงกับกิจการที่แสวงหากําไร โดยจะประกอบด้วยสินทรัพย์ หนี้สิน แต่จะไม่มีบัญชีส่วนของเจ้าของเนื่องจากเป็นกิจการที่ไม่แสวงหากําไร แต่จะมีบัญชีเงินกองทุนแทน
ตัวอยางงบดุล
ชื่อองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร
งบดุล
ณ วันที่…………………
สินทรัพย์
สินทรัพย์หมุนเวียน
เงินสด และเงินฝากธนาคาร xxx
ดอกเบี้ยค้างรับ xxx
วัสดุคงเหลือ xxx
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น xxx xxxx
สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
ที่ดิน xxx
อาคาร(สุทธิ) xxx
อุปกรณ์(สุทธิ) xxx xxxx
รวมสินทรัพย์ xxxx
หนี้สินและกองทุน
หนี้สินหมุนเวียน.
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย xxx
หนี้สินหมุนเวียนอื่น xxx xxxx
หนี้สินไม่หมุนเวียน
เจ้าหนี้เงินกู้ xxx
หนี้สินอื่น xxx xxxx
รวมหนี้สิน
กองทุนคงเหลือ xxxx
รวมหนี้สินและกองทุน xxxx
2. งบรายได้ค่าใช้จ่าย คืองบที่แสดงผลการดําเนินงานขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร โดยประกอบด้วย รายได้ รายจ่าย และถ้ากรณีรายได้สูงกว่ารายจ่าย จะแสดงด้วยรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายแต่ถารายจ่ายสูงกว่ารายได้จะแสดงด้วยรายได้ต่ํากว่าค่าใช้จ่าย และส่วนต่างดังกล่าวจะถูกนําไปปรับกับบัญชีเงินกองทุนสะสม
ตัวอย่างงบรายได้ค่าใช้จ่าย
ชื่อองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร
งบรายได้ค่าใช้จ่าย
สําหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่………………..
รายได้
ค่าสมาชิก xxx
ดอกเบี้ยรับ xxx
รับบริจาค xxx xxxx
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไป xxx
ค่าซ่อมแซมและบํารุงรักษา xxx
ค่าใช้จ่ายในการวิจัย xxx
ค่าเสื่อมราคาอาคาร xxx
ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ xxx
ค่าตอบแทนพนักงาน xxx xxxx
รายได้สูง(ต่ํา)กว่าคาใช้จ่าย xxxx
3. งบแสดงการเปลี่ยนแปลงของเงินกองทุน เป็นงบที่แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงส่วนของเงินกองทุนขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร ที่เกิดระหว่างระยะเวลาบัญชี
ตัวอย่างงบแสดงการเปลี่ยนแปลงของเงินกองทุน
ชื่อหน่วยงาน........................
งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของกองทุน
สําหรับปี สิ้นสุด..................................
ยอดยกมา1มกราคม2545 xxx
รับจัดสรรจากกองทุนทั่วไป xxx
รับเงินบริจาค xxx
จัดสรรรายได้สูง(ต่ํา)กว่าค่าใช้จ่าย xxx
รายได้จากกองทุนจัดหาผลประโยชน์ xxx
ยอดคงเหลือยกไป xxx
สรุป
กิจการที่ไม่แสวงหากําไร หมายถึง กิจการที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่ ประชาชนหรือสมาชิก รวมถึงการทําประโยชน์ให้กับสังคมในด้านต่างๆ โดยกิจการที่มิได้แสวงหาผลกําไรอาจจัดตั้งโดยภาครัฐบาลหรือภาคเอกชน ที่อยู่ในรูปแบบของสถานศึกษา สถานพยาบาล วัด ชมรม สมาคม สโมสร หรือมูลนิธิ
ในการดําเนินงานของกิจการที่ไม่แสวงหากําไรจะได้รับเงินอุดหนุนจากแหล่งเงินทุนต่างๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดําเนินงานขององค์กรที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อให้การใช้เงินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้สนับสนุน ทางองค์กรอาจนําระบบกองทุนเขามาชjวยในการบริหารและควบคุมการดําเนินงาน รวมถึงได้นําระบบบัญชีกองทุนมาใช้ในจัดทําบัญชี และรายงานทางการเงิน เพื่อให้สมาชิก บุคคลทั่วไป รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงฐานะทางการเงิน รายได้รายจ่าย ขององค์กรนั้นๆ โดยระบบบัญชีกองทุนจะมีความใกล้เคียงกับระบบบัญชีขององค์กรธุรกิจทั่วไปแต่อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างในบางเรื่องที่จะต้องมีการปรับวิธีการบันทึกบัญชีให้มีความสอดคล้องกับองค์กรที่มิได้มุ่งแสวงหาผลกําไรในแต่ละองค์กร
-----------------------------------------------------------------------