ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี
(ฉบับที่ ๑๕)
เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรม
หรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา เพื่อพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
พ.ศ. ๒๕๕๐
_______
โดยที่เป็นการสมควรกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา เพื่อพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตให้สามารถปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ โดยไม่จำกัดเฉพาะความรู้ทางด้านการบัญชี หรือด้านการสอบบัญชีเท่านั้น แต่ควรมีความรู้ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพบัญชีด้วย
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗ (๘) (๑๑) มาตรา ๓๐ มาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ สภาวิชาชีพบัญชีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี จึงออกข้อบังคับไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า ข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (ฉบับที่ ๑๕) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา เพื่อพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ. ๒๕๕๐
ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในข้อบังคับนี้
คณะกรรมการ หมายถึง คณะกรรมการสภาวิชาชีพบัญชี
การเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา หมายถึง การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพหรือการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องตามข้อบังคับนี้
การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ หรือ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง หมายถึง การพัฒนาความรู้ในด้านต่างๆ ตามประเภทที่กำหนดไว้ในหมวด ๒
ผู้สอบบัญชี หมายถึง ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตยังไม่สิ้นผล หมายถึง ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตยังมีผลใช้บังคับอยู่
ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตสิ้นผล หมายถึง ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตสิ้นผลตามที่กำหนดในมาตรา ๔๑ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.๒๕๔๗
ผู้สอบบัญชีที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต หมายถึง ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตยังไม่สิ้นผล แต่สภาวิชาชีพบัญชีมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต
วิทยากร หมายถึง ผู้ทรงความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ในเนื้อหาหลักสูตรของการฝึกอบรมหรือสัมมนา และให้หมายความรวมถึงผู้ดำเนินการสัมมนาหรือผู้บรรยายหรือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะอย่างเดียวกัน ซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบ
ผู้จัดการอบรม หรือการสัมมนา หมายถึง หน่วยงานดังต่อไปนี้
(๑) สภาวิชาชีพบัญชี
(๒) กระทรวง กรม หรือ ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่า
(๓) สถาบันการศึกษาของรัฐ ซึ่งมีการสอนไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่า
(๔) สถาบันการศึกษาของเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันการศึกษาเอกชนซึ่งมีการสอน
ไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีทางการบัญชีหรือเทียบเท่า
(๕) หน่วยงานภายในของผู้รับการอบรม หรือการสัมมนา ที่สภาวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบ
(๖) หน่วยงานอื่น ที่สภาวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบ
ข้อ ๔ ให้นายกสภาวิชาชีพบัญชี เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้
หมวด ๑
บททั่วไป
_________
ข้อ ๕ หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา เพื่อพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต นอกจากที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ ให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗
เพื่อให้หลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา เพื่อพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว นายกสภาวิชาชีพบัญชี โดยอนุมัติของคณะกรรมการ มีอำนาจออกข้อกำหนดใดๆ ที่เกี่ยวกับการดังกล่าวข้อกำหนดนั้น ต้องอยู่ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ และให้มีผลใช้บังคับเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ข้อ ๖ ในกรณีที่มีปัญหาการแปลความเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้คณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัย และถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
หมวด ๒
ประเภทการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ
_________
ข้อ ๗ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง มีทั้งประเภทอย่างเป็นทางการ และอย่างไม่เป็นทางการ
๗.๑ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องอย่างเป็นทางการ ได้แก่ ประเภทการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง
ที่สามารถประเมินผล หรือตรวจสอบได้ ซึ่งออกแบบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของความรู้และทักษะที่ต้องการดังต่อไปนี้
๗.๑.๑ เข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา ที่สภาวิชาชีพบัญชีให้ความ
เห็นชอบในหลักสูตร วิทยากร และผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนา
๗.๑.๒ เป็นวิทยากร ในหลักสูตรที่สภาวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบ
๗.๑.๓ เขียนบทความทางวิชาการที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีที่มีเนื้อหาตามที่สภา
วิชาชีพบัญชีกำหนด และได้เผยแพร่ในวารสาร หรือทางอินเตอร์เน็ต หรือในที่ประชุมวิชาการ
๗.๑.๔ เขียนหนังสือหรือตำราทางวิชาการที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีที่มีเนื้อหาตามที่
สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด และได้มีการจัดพิมพ์เผยแพร่
๗.๑.๕ เสนอผลงานวิจัยหรือผลงานทางวิชาการด้วยตนเองต่อที่ประชุมวิชาการ
โดยผลงานนั้นต้องเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี ตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
๗.๑.๖ เป็นกรรมการ อนุกรรมการหรือคณะทำงานทางวิชาการในสภาวิชาชีพ
บัญชีหรือในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชีตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
๗.๑.๗ สำเร็จการศึกษาในระดับสูงกว่าวุฒิเดิม หรือระดับวุฒิเดิมแต่ในหลักสูตร
หรือสาขาอื่นตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
๗.๑.๘ ผ่านการทดสอบในหลักสูตรวิชาชีพตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
๗.๑.๙ ประเภทการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องอย่างเป็นทางการอื่นตามที่สภาวิชาชีพ
บัญชีกำหนด
๗.๒ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องอย่างไม่เป็นทางการ ได้แก่ ประเภทการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องอื่นๆ นอกจาก ๗.๑ และต้องเป็นไปตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
หมวด ๓
คุณสมบัติของวิทยากร
_______
ข้อ ๘ วิทยากรตามข้อ ๗.๑.๑ และข้อ ๗.๑.๒ ต้องมีพื้นความรู้โดยตรงในเรื่องที่จะอบรมหรือสัมมนาและมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นอย่างเพียงพอ ทั้งนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาวิชาชีพบัญชีก่อนการปฏิบัติหน้าที่เป็นวิทยากร
ในกรณีที่จำเป็นและฉุกเฉินที่วิทยากรซึ่งได้รับความเห็นชอบไว้เดิมไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนา สามารถจัดการอบรม หรือการสัมมนาดังกล่าวไปพลางก่อนได้ แต่วิทยากรที่จะปฏิบัติหน้าที่แทนต้องมีพื้นความรู้โดยตรงในเรื่องที่จะอบรมหรือสัมมนา และมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นอย่างเพียงพอ และผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนาต้องขอความเห็นชอบต่อสภาวิชาชีพบัญชีในการเปลี่ยนผู้จัดการวิทยากรภายในกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันสิ้นสุดการอบรมหรือการสัมมนา มิฉะนั้น สภาวิชาชีพบัญชีจะถือว่า อบรมหรือการสัมมนาดังกล่าวฝ่าฝืนข้อบังคับนี้
หมวด ๔
จำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ
_______
ข้อ ๙ ผู้สอบบัญชีต้องมีจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องขั้นต่ำอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
๙.๑ ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตยังไม่สิ้นผล ต้องมีจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องสิบสองชั่วโมงต่อปี เว้นแต่ผู้สอบบัญชีที่ได้รับใบอนุญาตเป็นปีแรก จะต้องมีจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องตามสัดส่วนของจำนวนเดือนที่ได้รับใบอนุญาตในปีนั้น โดยไม่นับเศษของเดือน
๙.๒ ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตสิ้นผล และมีความประสงค์ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีใหม่ต้องมีจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง ดังนี้
๙.๒.๑ จำนวนสิบสองชั่วโมง สำหรับปีก่อนปีที่ใบอนุญาตสิ้นผล และ
๙.๒.๒ จำนวนสิบสองชั่วโมง สำหรับปีที่ใบอนุญาตสิ้นผล เว้นแต่ขอรับใบ
อนุญาตใหม่ภายในปีที่ใบอนุญาตสิ้นผล ให้มีจำนวนชั่วโมงตามจำนวนเดือนก่อนขอรับใบอนุญาตใหม่ และ
๙.๒.๓ จำนวนชั่วโมงตามจำนวนเดือนในช่วงเวลาหลังจากปีที่ใบอนุญาตสิ้นผล
จนถึงเดือนที่ขอรับใบอนุญาตใหม่
ทั้งนี้ จำนวนชั่วโมงตาม ๙.๒.๑ ๙.๒.๒ และ ๙.๒.๓ รวมกันแล้วไม่เกินเจ็ดสิบ
สองชั่วโมง โดยไม่นับเศษของเดือน และให้นับย้อนหลังได้ไม่เกินสามปี ก่อนวันยื่นขอรับใบอนุญาตใหม่
จำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องต้องมีประเภทการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องที่
มีเนื้อหาเกี่ยวกับการบัญชีหรือการสอบบัญชีไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
หมวด ๕
หลักเกณฑ์และวิธีการนับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ
_______
ข้อ ๑๐ การนับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องอย่างเป็นทางการตามข้อ ๗.๑ ให้นับดังต่อไปนี้
๑๐.๑ น้อยกว่าสิบห้านาที ไม่นับเป็นจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง
๑๐.๒ สิบห้านาทีถึงสี่สิบสี่นาทีให้นับเป็นครึ่งชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง
๑๐.๓ สี่สิบห้านาทีถึงหกสิบนาทีให้นับเป็นหนึ่งชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง
ข้อ ๑๑ การนับปีที่มีการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง ให้นับตามปีปฏิทิน โดยถือปีที่ข้อบังคับนี้มีผลบังคับใช้เป็นปีแรก
ข้อ ๑๒ การนับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องอย่างไม่เป็นทางการตามข้อ ๗.๒ ให้เป็นไปตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
ข้อ ๑๓ การเข้ารับการฝึกอบรมหรือเข้าร่วมประชุมสัมมนา ตามข้อ ๗.๑.๑ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องตามหลักเกณฑ์และวิธีการนับจำนวนชั่วโมงในข้อ ๑๐ ที่ผู้จัดการอบรม หรือการสัมมนาได้โฆษณาเผยแพร่ไว้
การกล่าวเปิดการอบรมหรือการสัมมนา ให้นับชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องได้เฉพาะที่เป็นปาฐกถาพิเศษ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
๑๓.๑ เนื้อหาในการปาฐกถาพิเศษที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับเรื่องใด ให้นับเป็น
จำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องของเรื่องนั้น
๑๓.๒ เนื้อหาในการปาฐกถาพิเศษที่ไม่สัมพันธ์โดยตรงกับเรื่องใดๆ ให้นับเป็น
จำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องเรื่องอื่นๆ ที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กับวิชาชีพบัญชี หรือให้นำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเพื่อพิจารณา
ข้อ ๑๔ ในกรณีที่ผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนายังไม่ได้ยื่นคำขอความเห็นชอบเนื้อหาหลักสูตรหรือวิทยากรในการอบรม หรือการสัมมนาต่อสภาวิชาชีพบัญชี จะจัดการอบรมหรือการสัมมนาไปพลางก่อนก็ได้แต่มิให้โฆษณาเผยแพร่จำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนาต้องขอความเห็นชอบจากสภาวิชาชีพบัญชีภายในกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันสิ้นสุดการอบรม หรือการสัมมนามิฉะนั้น สภาวิชาชีพบัญชีจะถือว่าผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนาดังกล่าวฝ่าฝืนข้อบังคับนี้
ข้อ ๑๕ การเป็นวิทยากร ตามข้อ ๗.๑.๒ รวมทั้งการเสนอผลงานวิจัยหรือผลงานทางวิชาการด้วยตนเองต่อที่ประชุมวิชาการตามข้อ ๗.๑.๕ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องเป็นสองช่วงเวลาดังนี้
๑๕.๑ ช่วงเวลาของการบรรยาย หรือเสนอผลงานด้วยตนเอง ให้นับตามจำนวน
ชั่วโมงที่ใช้ไปในการเป็นวิทยากร หรือเสนอผลงานด้วยตนเองตามหลักเกณฑ์การนับในข้อ ๑๐ โดยอนุโลม
๑๕.๒ ช่วงเวลาการเตรียมตัวเพื่อการบรรยาย หรือการเสนอผลงานด้วยตนเอง
ให้นับเป็นจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องเฉพาะการเตรียมตัวในการบรรยายหรือการเสนอผลงานด้วยตนเองครั้งแรก โดยให้นับได้เป็นสองเท่าของเวลาตาม ๑๕.๑ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงผู้ดำเนินการสัมมนา
การบรรยายครั้งต่อไปในเรื่องเดียวกัน ห้ามนับเป็นชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อ
เนื่องอีกเว้นแต่วิทยากรนั้นได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาเกินกว่าครึ่งหนึ่ง โดยทำตารางเปรียบเทียบเนื้อหาเก่ากับเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงและนำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเพื่อพิจารณาอนุมัติให้นับเป็นชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องเพิ่มเติม
ข้อ ๑๖ การเขียนบทความทางวิชาการที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีตามข้อ ๗.๑.๓ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพได้ไม่เกินสามชั่วโมงต่อหนึ่งบทความ
ข้อ ๑๗ การเขียนหนังสือหรือตำราทางวิชาการที่เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชีตามข้อ ๗.๑.๔ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องได้ครั้งเดียวในปีที่หนังสือหรือตำรานั้นจัดพิมพ์เผยแพร่ โดยให้นับได้สิบสองชั่วโมง
ข้อ ๑๘ การเป็นกรรมการ อนุกรรมการ หรือ คณะทำงานทางวิชาการในสภาวิชาชีพบัญชี หรือในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชีตามข้อ ๗.๑.๖ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องได้สามชั่วโมงต่อหนึ่งตำแหน่ง และให้นับได้เพียงสองตำแหน่ง
ข้อ ๑๙ การสำเร็จการศึกษาในระดับสูงกว่าวุฒิเดิม หรือระดับวุฒิเดิมแต่ในหลักสูตรหรือสาขาอื่นตามข้อ ๗.๑.๗ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องได้วุฒิละสิบสองชั่วโมง
ข้อ ๒๐ ผู้ที่ผ่านการทดสอบในหลักสูตรวิชาชีพตามข้อ ๗.๑.๘ ให้นับจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องได้สิบสองชั่วโมง
ข้อ ๒๑ การพัฒนาความรู้ต่อเนื่องในหมวดนี้จะนับเข้าเป็นจำนวนชั่วโมงการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องในเรื่องใดให้เป็นไปตามที่สภาวิชาชีพบัญชีกำหนด
หมวด ๖
วิธีการยื่นหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ
_______
ข้อ ๒๒ การแสดงหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง เป็นหน้าที่ของผู้สอบบัญชีที่จะต้องแสดงต่อสภาวิชาชีพบัญชี โดยให้ยื่นหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่อง ดังนี้
๒๒.๑ กรณีชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นรายปี ให้ยื่นพร้อมกับการชำระ
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภายในสามเดือนก่อนวันเริ่มต้นปีปฏิทิน
๒๒.๒ กรณีชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตล่วงหน้าเกินกว่าหนึ่งปี ให้ยื่นหลัก
ฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องเป็นรายปีภายในกำหนดเวลาเช่นเดียวกับ ๒๒.๑
การยื่นหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องให้จัดทำตามแบบและวิธีการที่นายกสภา
วิชาชีพบัญชีกำหนด
ข้อ ๒๓ ผู้สอบบัญชีที่ไม่อาจแสดงหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องครบตามจำนวนชั่วโมงขั้นต่ำที่กำหนด สภาวิชาชีพบัญชีจะมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาต ทั้งนี้ ให้ผู้สอบบัญชีเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องให้ครบถ้วนและยื่นหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในหกเดือนนับจากวันที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต
หมวด ๗
มาตรการสำหรับผู้ฝ่าฝืนข้อบังคับ
_______
ข้อ ๒๔ ผู้สอบบัญชีที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตตามข้อ ๒๓ หากไม่ยื่นหลักฐานการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องต่อสภาวิชาชีพบัญชีภายในกำหนดเวลา ให้ใบอนุญาตการเป็นผู้สอบบัญชีนั้นสิ้นผลทันที
ข้อ ๒๕ ในกรณีที่ผู้สอบบัญชีปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้โดยไม่เจตนา และได้มีหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อคณะกรรมการ คณะกรรมการอาจกำหนดระยะเวลาผ่อนผันให้ผู้สอบบัญชีนั้นปฏิบัติให้ถูกต้อง
ข้อ ๒๖ ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาหนังสือชี้แจงเหตุผลตามข้อ ๒๕ แล้ว เห็นว่าผู้สอบบัญชีปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้โดยเจตนา สภาวิชาชีพบัญชีจะสั่งให้ใบอนุญาตการเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตนั้นสิ้นผล
ข้อ ๒๗ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าผู้สอบบัญชีแจ้งข้อมูลเท็จ จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการจรรยาบรรณพิจารณาต่อไป
ข้อ ๒๘ ในกรณีที่ผู้จัดการอบรมหรือการสัมมนาที่สภาวิชาชีพบัญชีให้ความเห็นชอบฝ่าฝืนข้อบังคับนี้ สภาวิชาชีพบัญชีจะตักเตือนเป็นหนังสือ หรือยกเลิกการให้ความเห็นชอบตามที่สภาวิชาชีพบัญชีเห็นสมควร
บทเฉพาะกาล
_______
ข้อ ๒๙ ในปีที่ข้อบังคับนี้มีผลใช้บังคับ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีปีแรก และผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตยังไม่สิ้นผล ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๙.๑ ของข้อบังคับนี้
ข้อ ๓๐ ผู้สอบบัญชีที่ใบอนุญาตสิ้นอายุหรือถูกเพิกถอนตามพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ. ๒๕๐๕ หรือสิ้นผล ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ ก่อนปีที่ข้อบังคับนี้มีผลใช้บังคับ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๙.๒.๑ ของข้อบังคับนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
เกษรี ณรงค์เดช
(ศาสตราจารย์เกษรี ณรงค์เดช)
นายกสภาวิชาชีพบัญชี