ในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นชนชั้นแรงงาน เช่น สาวโรงงาน หนุ่มโรงงาน ลูกจ้างบริษัทเอกชน พนักงานรัฐวิสาหกิจ ข้าราชการ ล้วนตกเป็นทาส หนี้บัตรเครดิต หรือ บัตรเงินผ่อน กันทั่วหน้าและไม่มีปัญญาที่จะหาเงินผ่อนชำระค่างวดตามที่เจ้าของบัตรเครดิตหรือบัตรเงินผ่อน กำหนดให้ชำระขั้นต่ำ ในอัตราร้อยละ 5 ถึงร้อยละ 10 และคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ไม่รวมค่าปรับ ค่าทวงหนี้ ค่าทนายความ ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าเสียหายอื่นๆ อีกมากมาย สุดแล้วแต่เจ้าของบัตรจะขูดรีด ทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตหรือบัตรเงินผ่อน ต้องทนทุกข์ทรมาน ทั้งกายและใจ ซึ่งผมจะขอนำ 20 คำถามยอดฮิตบัตรเครดิต ที่สอบถามเข้ามามากที่สุดดังต่อไปนี้
- ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกหรือไม่
ธนาคารมีสิทธิคิดดอกเบี้ยเกี่ยวกับหนี้บัตรเครดิตได้ไม่เกินร้อยละ 18 ตามที่
ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และมีข่าวว่าจะคิดดอกเบี้ยผิดนัดได้เพิ่มขึ้นอีก 2 % ได้ไม่เกินร้อยละ 20 ต่อปี ซึ่งการคิดดอกเบี้ยดังกล่าว รวมเบี้ยปรับและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว
- ค่าทวงหนี้มหาโหดเรียกได้หรือไม่
ค่าทวงหนี้ไม่มีกฎหมายใดให้เรียกได้ แต่เจ้าหนี้สถาบันการเงินและเจ้าหนี้บัตร
เงินผ่อน มักจะถือโอกาสซ้ำเติมประชาชน ขูดรีดเพิ่มเติมจากลูกหนี้
- การข่มขู่ทำได้หรือไม่
การทวงหนี้ หมายถึง การเจรจาประนีประนอมยอมความหรือการเร่งรัดหนี้สิน
เพื่อให้ลูกหนี้ชำระหนี้ โดยวิธีที่สุภาพและไม่เป็นการละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น การที่ลูกหนี้ใช้วิธีการข่มขู่ ไม่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย
และการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 (ความผิดต่อเสรีภาพ) ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และ มาตรา 337 จำคุกไม่เกิน 5 ปี (กรรโชกทรัพย์ รวมทั้งมีความผิดฐานหมิ่นประมาท) ตาม มาตรา 326 จำคุกไม่เกิน 1 ปี
- การรังควาญที่ทำงาน ที่บ้าน บ้านญาติ ทำได้หรือไม่
ไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตามประมวลกกหมาย
อาญาหลายมาตรา ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อผู้ใดถูกเจ้าหนี้หรือบริษัททวงหนี้กระทำดังกล่าว สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา
- การพูดจาเหยียดหยาม หยาบคาย ทำได้หรือไม่
ไม่สามารถทำได้ เพราะมีความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นซึ่งหน้า มี
ความผิดทางอาญา
- วิธีการแก้เผ็ดพวกทวงหนี้ถ่อย
บันทึกภาพและเสียง พร้อมทั้งยั่วยุ ให้นักทวงหนี้ด่าหรือประจาน โดยใช้ถ้อยคำ
หยาบคายและผิดกฎหมาย หลังจากนั้นให้นำเทปบันทึกเสียงหรือวีดีโอ ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนและ สคบ. เป็นต้น
- ไม่มีเงินจ่าย ไม่มีรายได้ ไม่มีทรัพย์สิน ควรทำอย่างไร
ควรเจรจาและลดยอดหนี้ โดยขอลดทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยผิดนัดให้เหลือเพียง
ร้อยละ 7.5 หรือดอกเบี้ยขั้นต่ำ หรือไม่คิดดอกเบี้ยเลย มิฉะนั้นจะถูกยึดทรัพย์
- มีปัญญาผ่อน แต่ผ่อนได้น้อยกว่าที่เจ้าหนี้กำหนด จะแก้ไขอย่างไร
ก่อนอื่นต้องดูว่ามีทรัพย์สินเงินทอง มีรายได้ประจำที่อยู่ในระบบประกันสังคม
หรือไม่ ถ้ามีควรเจรจาผ่อนชำระ ถ้าผ่อนชำระไม่ได้ รอให้เจ้าหนี้ฟ้องและหาทนายความเป็นตัวแทนเจรจาในชั้นศาล จะได้ประโยชน์มากกว่า แต่ถ้าไม่มีทรัพย์สินเงินทอง รวมทั้งเป็นลูกจ้างนอกระบบประกันสังคม แบบนี้ไม่ต้องห่วงเพราะเจ้าหนี้บังคับอะไรคุณไม่ได้เลย จะเจรจาหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ
- ค่าทวงหนี้ เจ้าหนี้คิดเป็นรายครั้งได้หรือไม่
ไม่ได้ เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเกินควร เราสามารถโต้แย้งได้
- หนังสือทวงหนี้ที่มีความรุนแรง ผิดกฎหมายหรือไม่
ผิดทั้งกฎหมายและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ไม่สามารถกระทำได้
ขอนำข้อความข่มขู่ที่สำนักงานทนายความหรือสำนักงานทวงหนี้ ที่เป็นทาสรับใช้เจ้าหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรเงินผ่อนนิยมใช้ ซึ่งข้อความข้างล่างนี้ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายและถ้าได้รับจดหมายข่มขู่จากบริษัททวงหนี้ซึ่งมีข้อความข้างล่างนี้ ขอแนะนำให้ดำเนินคดีหรือชักดาบไปเลย
ข้อความที่บริษัททวงหนี้มหาโหดนิยมใช้
- ส่งเข้าบัญชีลูกหนี้เสีย ตรวจสอบที่ทำงาน ตรวจสอบภูมิลำเนา
- ตรวจสอบภูมิลำเนาเพื่อเตรียมเรื่องดำเนินคดีตามกฎหมาย
- อนุมัติดำเนินคดี 2 วันสุดท้ายก่อนดำเนินการ
- หมายแจ้งผิดนัด และเตือนครั้งสุดท้าย
- เตือนครั้งสุดท้ายก่อนฟ้องศาล 3 วัน
- หากมีการดำเนินคดี สำนักงานสามารถบังคับคดี นำทรัพย์สินของท่านออกขายทอดตลาดได้
วิธีการใช้โทรศัพท์โทรมาข่มขู่จะมีวิธีการดังนี้
- โทรศัพท์เข้ามือถือทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง แล้วก็พูดว่า ต้องเอาเงินเข้าวันนี้นะ
- แจ้งว่าโดนอายัดเงินเดือน ฟ้องอายัดเงินเดือน ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นคุณต้องเป็นคนออก เช่นค่าทนายความและอื่นๆ คุณต้องเสียเงินเยอะนะ
- แจ้งว่าจะมาซื้อทรัพย์สินที่บ้าน
- แจ้งว่าจะส่งจดหมายมาให้หัวหน้างาน
- โทรมาด่าใช้คำหยาบคาย เช่น อีหน้าด้าน รู้จักใช้แล้วไม่รู้จักจ่าย
- แจ้งว่าถ้าไม่มีเงินจ่าย ก็ให้ไปหาเงินกู้มาจ่ายสิ
- แจ้งว่า บริษัทให้คุณเอาเงินไปได้ ก็เอาคืนมาได้ จะทำทุกทางที่เอาเงินกลับคืนมา
- ถ้าคนทวงหนี้เป็นทนายความ จะร้องเรียนสภาทนายความเพื่อเอาผิดได้หรือไม่
ถ้าคนทวงหนี้เป็นทนายความ และใช้วิธีการข่มขู่พูดจาหยาบคาย ถือเป็นการ
กระทำที่ผิดมรรยาททนายความ อาจถูกพักใบอนุญาตได้
- ตำรวจมีส่วนช่วยลูกหนี้อย่างไร
มีส่วนช่วยแต่ส่วนใหญ่มักไม่ช่วย มักจะช่วยคนที่มีเงินมากกว่า ถ้าตำรวจจะช่วย
จริงๆ ผมว่าช่วยได้มาก ยกตัวอย่าง เช่น มีคนมาทวงหนี้ลูกหนี้ และพูดจาหยาบคาย ด่าทอข่มขู่ ประจานที่ทำงาน ซึ่งมีความผิดทางอาญาเวลาที่ลูกหนี้ไปแจ้งความ ตำรวจสามารถโทรคุยกับคนทวงหนี้และห้ามปรามหรือแจ้งข้อกล่าวหา โดยทั่วไปคนทวงหนี้มักจะกลัวตำรวจ แต่ตำรวจส่วนใหญ่มักไม่ทำ บอกว่าไม่ใช่หน้าที่
- สคบ.มีส่วนช่วยลูกหนี้อย่างไร
มีมากเลย แต่มักไม่ค่อยได้เรื่อง ช่วยอะไรมากไม่ได้ ไม่มีมาตรฐานที่ช่วยเหลือที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ลูกหนี้บางรายไปร้องเรียนว่า ถูกรังควาญหรือทวงหนี้ โดยวิธีการข่มขู่ บางครั้งก็รับดำเนินการ บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ให้การช่วยเหลือ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยลูกหนี้ได้อย่างไร
มีส่วนมากที่สุด เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ดูแลกำกับสถาบันการเงินโดยตรง แต่
มักไม่ดำเนินการอะไร ทั้งที่เป็นหน้าที่ของตัวเอง ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา อยากให้ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยกระโดดลงมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับลุกหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรเงินผ่อน
- ศาลจะช่วยไกล่เกลี่ยอย่างไรเมื่อถูกฟ้อง
ช่วยได้มากเลย และทุกวันนี้ศาลต่างๆ เช่น ศาลแขวงมีส่วนช่วยในการไกล่เกลี่ยคดีบัตรเครดิตและบัตรเงินผ่อน โดยลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 18,20 เหลือเพียงร้อยละ 7.5 ต่อปี
- ถ้าไปทำยอมความในชั้นศาล จะต้องปฎิบัติตามหรือไม่ ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะติดคุกหรือไม่
ถ้าไปทำสัญญายอมความในชั้นศาล โดยหลักกฎหมายต้องปฎิบัติตาม ถ้าไม่
ปฎิบัติตามจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สิน หรือ เงินเดือน ถ้าลูกหนี้มีทรัพย์สินก็ควรต้องกลัว
- ถ้าถูกยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ อายัดเงินเดือน อายัดบัญชี จากเจ้าหนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร
- ถ้าถูกยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์ ทางแก้ คือ เจรจากับเจ้าหนี้ ถ้าเจรจาไม่ได้ เจ้าหนี้จะนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล
- ถ้าถูกอายัดเงินเดือน ทางแก้ คือ หาหลักฐานเกี่ยวกับรายจ่ายประจำไปแสดงต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้ลดยอดเงินการอายัด จากร้อยละ 30 ให้ลดลงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลักฐานที่มาแสดงต่อศาล เอกสารที่ต้องเตรียมในการขอลดยอดเงินการอายัดเงินเดือน คือ สลิปเงินเดือน รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในกรณีถ้ามีบุตรให้ใช้ใบเกิดบุตรแนบด้วย
- เป็นหนี้บัตรเครดิต จะถูกให้ออกจากราชการหรืออกจากงานหรือไม่
การเป็นหนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีผลต่อหน้าที่การงาน ยกเว้นเจ้าหนี้จะไปสร้าง
ความวุ่นวายในหน่วยงานราชการ อาจจะทำให้เจ้านายไม่พอใจ ควรจะไปแจ้งให้เจ้านายทราบถึงปัญหาของตนเองเพื่อหาทางป้องกัน มิให้ถูกไล่ออก
- เป็นหนี้ไม่ใช้ ต้องถูกขึ้นบัญชีดำหรือไม่
การเป็นหนี้แล้วไม่มีปัญญาใช้ ถ้าต้องถูกขึ้นบัญชีดำในฐานะลูกหนี้ชั้นเลวแล้ว
ผมว่าลูกหนี้น่าจะยอมรับได้ อย่าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากนัก เพราะวันข้างหน้าควรจะคำนึงถึงเรื่องความอยู่รอดมากกว่าหน้าตาหรือ เครดิต
- มีปัญหาบัตรเครดิตต้องใช้ทนายความหรือไม่
จะใช้ทนายความก็ได้ ถ้าไม่มีปัญญาจ้าง จะไม่ใช้ทนายความก็ได้ แต่ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเจรจาหนี้ในชั้นศาล
ที่มาของข้อมูล : หนังสือทนายคลายทุกข์ เล่ม 1