ตรวจสอบบัญชี,ทำบัญชี,สำนักงานบัญชี,สำนักงานตรวจสอบบัญชี,สอบบัญชี การวิเคราะห์งบการเงิน
ReadyPlanet.com
dot dot
dot
ติดต่อเรา/Contact us
dot
bulletติดต่อเรา/Contact us
dot
บริการของสำนักงาน
dot
bulletตรวจสอบบัญชี
bulletบริการทาง บัญชี ภาษี
bulletจดทะเบียนบริษัท
bulletบริการด้านกฏหมาย
bulletบริการยื่นแบบและนำส่งภาษี
dot
บริการตรวจค้นข้อมูลธุรกิจ
dot
bulletตรวจค้นข้อมูลจดทะเบียนธุรกิจ
bulletตรวจค้นข้อมูลงบการเงิน
bulletรายชื่อผู้ทำบัญชี
bulletรายชื่อผู้สอบบัญชี ( CPA )
bulletรายชื่อผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี - กรมสรรพากร (TA)
bulletชื่อผู้สอบบัญชีของนิติบุคคล
bulletผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชีแจ้งชื่อห้างฯที่ตรวจสอบ
bulletชื่อผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม
bulletงบการเงินบริษัทจดทะเบียน
bulletปฏิทินภาษี
bulletอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารแห่งประเทศไทย
bulletดอกเบี้ยเงินฝาก เงินกู้ทุกธนาคาร
dot
บริการคลังข้อมูลบัญชี
dot
bulletระบบค้นหาข้อมูลผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม 13 หลัก
bulletจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
bulletจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ
bulletยื่นแบบชำระภาษีออนไลน์
bulletหน่วยบริการภาษีใน กรุงเทพฯ
bulletตรวจค้นข้อมูลขอคืนภาษี ภงด.90,91
bulletแจ้งเพิ่ม ลด งานทำบัญชีของผู้ทำบัญชี
bulletแจ้งเพิ่ม ลด งานสอบบัญชี CPA
bulletยื่นแบบ บภ.แจ้งเพิ่ม ลด งานสอบบัญชี TA
bulletตรวจค้นหลักสูตร CPD ของผู้ทำบัญชีและผู้สอบบัญชี
bulletแบบฟอร์มเอกสารต่างๆของกรมพัฒน์ฯ(DBD)
bulletแบบฟอร์มเอกสารสภาวิชาชีพบัญชี
bulletเครื่องมือช่วยในการสอบบัญชี (Audit Tools) ของสภาวิชาชีพบัญชี
bulletแบบฟอร์มภาษีกรมสรรพากร
bulletแบบฟอร์มประกันสังคม
bulletแบบฟอร์มจดทะเบียนของกรมพัฒน์ฯ(DBD)
bulletรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน
bulletความหมายของรายการย่อในงบการเงิน
bulletศัพท์บัญชี ไทย-อังกฤษ
bulletศัพท์บัญชี อังกฤษ-ไทย
bulletคำถามบัญชี/สอบบัญชีที่พบบ่อย
bulletความแตกต่างระหว่าง CPA และ TA
bulletคุณวุฒิการศึกษาทางการบัญชีที่สภาวิชาชีพรับรอง
dot
กฏหมายทั่วไป และ ภาษีอากร
dot
bulletความรู้เรื่องภาษี-ภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร
bulletข้อหารือภาษีอากร
bulletแบบฟอร์มสัญญาต่างๆทางกฏหมาย
bulletแบบฟอร์มศาล/แบบพิมพ์ศาล
bulletรวมประมวลกฏหมาย
bulletความผิดอาญา ที่ยอมความได้
bulletคลีนิกกฏหมาย จาก หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ (1)
bulletคลีนิกกฏหมาย จาก หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ (2)
bulletรู้ทันภัยใกล้ตัว จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (1)
dot
ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักบัญชีและผู้สอบบัญชี
dot
bulletข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อนักบัญชีและผู้สอบบัญชี
bulletกำหนดการทดสอบความรู้ของผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
bulletเส้นทางการเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต CPA
bulletTA เปิดรับสมัครสอบปีละ 3 ครั้ง
bulletประกาศผลสอบ CPA
bulletข้อสังเกตจากคณะกรรมการผู้ตรวจข้อสอบของ TA โดยสรุป
bulletข้อสังเกตุจากอนุกรรมการผู้ตรวจข้อสอบ CPA โดยสรุป (จากสภาวิชาชีพ)
bulletUpdate มาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการรายงานทางการเงิน การตีความ และร่างการตีความ จากสภาวิชาชีพบัญชี
bulletขอบเขตรายวิชาที่ต้องเข้ารับการทดสอบ เป็นผู้สอบบัญชี (CPA)
dot
คำถามน่ารู้เกี่ยวกับการทำบัญชี(ข้อมูลจากสภาวิชาชีพบัญชี)
dot
bulletปัญหาเกี่ยวกับผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
bulletปัญหาเกี่ยวกับผู้ทำบัญชี
bulletปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ
bulletปัญหาเกี่ยวกับมาตรฐานการบัญชี
bulletปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงิน
bulletปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี
bulletปัญหาเกี่ยวกับการรายงานการสอบบัญชี
bulletคำถามที่พบบ่อย : บัญชีธุรกิจ และ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต จาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
bulletประเด็นคำถาม-คำตอบที่เป็นประโยชน์จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
bulletคำถามที่ถูกถามบ่อย จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
bulletประเด็นคําถาม - คําตอบ เกี่ยวกับการทำบัญชีและสอบบัญชี ของ กองกำกับบัญชีธุรกิจ
dot
ตัวอย่าง แนวการสอบบัญชี โดยย่อ
dot
bulletเงินสดและเงินฝากธนาคาร
bulletลูกหนี้การค้า
bulletสินค้าคงเหลือ
bulletที่ดิน อาคารและอุปกรณ์
bulletสินทรัพย์หมุนเวียนอื่น
bulletสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น
bulletเงินลงทุน
bulletเจ้าหนี้การค้า
bulletหนี้สินหมุนเวียนอื่น
bulletเงินกู้ยืม
bulletส่วนของผู้ถือหุ้น
bulletรายได้
bulletซื้อสินค้า
bulletต้นทุนขาย
bulletค่าใช้จ่ายขายและบริหาร
bulletการรับเงิน แนวการรับเงิน
bulletการจ่ายเงิน แนวการจ่ายเงิน
bulletแนวการสอบบัญชี เงินเดือน
bulletการจัดทำแนวทางการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA)
dot
มรรยาท (จรรยาบรรณ) ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
dot
bulletมรรยาท (จรรยาบรรณ) ของ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต(เดิม)
bulletจรรยาบรรณของ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (ออกใหม่ปี 53)
bulletคำชี้แจงจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี
bulletคำชี้แจงข้อบังคับจรรยาบรรณ สำหรับผู้สอบบัญชี
bulletคำชี้แจงข้อบังคับจรรยาบรรณ สำหรับผู้ทำบัญชี
bulletจรรยาบรรณ ของ ผู้สอบบัญชี ภาษีอากร
bulletความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชี
dot
ตัวอย่างรายงานการสอบบัญชี (บางส่วน)
dot
bulletตัวอย่างรายงานผู้สอบบัญชีรับอนุญาต บังคับ 31 ธ.ค 65 เป็นต้นไป
bulletตัวอย่างรายงานของผู้สอบบัญชีสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ(์NPAEs)
bulletตัวอย่างรายงานผู้สอบบัญชีงบเลิกกิจการ ณ วันจดทะเบียนเลิกกิจการ
bulletรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีของ TA (ท.ป.194/2555)
bulletตัวอย่างรายงานของผู้สอบบัญชีสำหรับกองทุนรวม/กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
bulletรายงานของมูลนิธิและสมาคม
dot
กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ.2544 ตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ยกเลิกแล้วในปี 2551-ไม่ใช้แล้ว)
dot
bulletงบการเงิน ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
bulletงบการเงิน บริษัทจำกัด
bulletงบการเงิน บริษัทมหาชนจำกัด
bulletงบการเงิน นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศ
bulletงบการเงิน กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร
dot
กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ.2551 ตามประกาศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (เริ่มใช้ 1 มกราคม 2552 ถึง 31 ธันวาคม 2553)
dot
bulletรูปแบบรายการย่อ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
bulletรูปแบบรายการย่อ บริษัทจำกัด
bulletรูปแบบรายการย่อ บริษัทมหาชนจำกัด
bulletรูปแบบรายการย่อ นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศ
bulletรูปแบบรายการย่อ กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร
bulletประเด็นคำถาม – คำตอบประกาศกรม เรื่อง รายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ. 2552
dot
กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ.2554 ตามประกาศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (เริ่มใช้ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป) ล่าสุด
dot
bulletรูปแบบรายการย่อ ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
bulletรูปแบบรายการย่อ บริษัทจำกัด
bulletรูปแบบรายการย่อ บริษัทมหาชนจำกัด (ยกเลิกปี 2562)
bulletรูปแบบรายการย่อ นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฏหมายต่างประเทศ
bulletรูปแบบรายการย่อ กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร
bulletรูปแบบรายการย่อ บริษัทมหาชนจำกัด เริ่มใช้ 1 มค 63
dot
ตัวอย่างการจดทะเบียนธุรกิจ
dot
bulletตัวอย่างการจดทะเบียนบริษัทจำกัด
bulletตัวอย่างการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน/จำกัด
bulletตัวอย่างการจดทะเบียนพาณิชย์ (ร้านค้า/บุคคลธรรมดา)
bulletตัวอย่างการจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด
dot
ตัวอย่าง การควบคุมภายใน โดยย่อ
dot
bulletการควบคุมภายใน การรับเงิน
bulletการควบคุมภายใน การจ่ายเงินสดย่อย
bulletการควบคุมภายใน การจ่ายเช็ค
bulletการควบคุมภายใน การจ่ายเงินเดือนและค่าแรง
bulletการควบคุมภายใน การขาย
bulletการควบคุมภายใน การซื้อ
bulletการควบคุมภายใน ลูกหนี้การค้า
bulletการควบคุมภายใน เจ้าหนี้การค้า
bulletการควบคุมภายใน สินค้าคงเหลือ
bulletการควบคุมภายใน สินทรัพย์ถาวร
dot
ตัวอย่าง กระดาษทำการ ตรวจสอบบัญชี (working paper)
dot
bulletเงินสด เงินฝากธนาคาร เงินเบิกเกินบัญชี
bulletกระดาษทำการ ตรวจนับเงินสดย่อย
bulletทดสอบความถูกต้องการรับเงิน
bulletการทดสอบความถูกต้องของรายการจ่ายเงิน
bulletกระดาษทำการ เงินลงทุน
bulletลูกหนี้การค้า (1)
bulletลูกหนี้การค้า (2)
bulletสินค้าคงเหลือ
bulletการตรวจตัดยอดขาย
bulletการตรวจตัดยอดซื้อ
bulletสินทรัพย์ถาวร (1)
bulletทรัพย์สินถาวร (2)
bulletทรัพย์สินถาวร (3)
bulletสินทรัพย์อื่น
bulletเงินกู้ยืม 1
bulletเงินกู้ยืม 2
bulletเจ้าหนี้การค้า
bulletหนี้สินหมุนเวียนอื่น+ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
bulletทุน
bulletกำไรสะสม
bulletรายได้และค่าใช้จ่าย
bulletรายได้
bulletการทดสอบความถูกต้องของรายการขาย
bulletการทดสอบความถูกต้องของรายการซื้อ
bulletวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร
dot
Links ในเมืองไทยที่น่าสนใจ
dot
bulletข่าวและหนังสือพิมพ์
bulletเว็บยอดฮิต
bulletหน่วยงานราชการ
bulletองค์กรต่างๆ
bulletหน่ายงานกฏหมายและศาล
bulletเว็บไซด์พื้นฐาน
bulletวารสาร สรรพากรสาส์น
bulletกรมสรรพากร
bulletกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
bulletสภาวิชาชีพบัญชี
bulletสภาทนายความ
bulletสำนักงานประกันสังคม
bulletกระทรวงแรงงาน
bulletศาลภาษีอากรกลาง
bulletตรวจหวย ( ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล)
bulletรวมเวบไซด์ หางาน สมัครงาน
bulletรวมเวบไซด์ เกมส์ออนไลน์
bulletสารบัญเว็บไทย
dot
Webboard
dot
bulletWebboard
bulletเวบไซด์การเดินทาง


www.google.co.th
www.sanook.com
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
สภาวิชาชีพบัญชี
กรมสรรพากร
เนติบัณฑิตยสภา ในพระบรมราชูปถัมภ์
สภาทนายความ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


การวิเคราะห์งบการเงิน

การวิเคราะห์งบการเงิน

         

งบการเงิน  (Financial Statement) หมายถึง รายงานทางบัญชีที่จัดทำขึ้นเมื่อครบรอบระยะเวลาบัญชี เพื่อให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงฐานะ และผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบระยะเวลาที่ผ่านมา

         

งบการเงินจะประกอบด้วยข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับผลประกอบการในงวดการบัญชีที่ผ่านมา งวดบัญชีอาจแบ่งเป็นรอบ 6 เดือน คือปิดงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน และ 31 ธันวาคม ในระยะเวลาหนึ่งปี หรืออาจกำหนดเป็น 12 เดือน และกำหนดรอบเวลาการบัญชีมาบรรจบ ณ เดือนใดเดือนหนึ่งก็ได้ แต่ที่นิยมมักจะกำหนดวันสิ้นปี คือ วันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี

         

3.1.1  การวิเคราะห์งบดุล

         

งบดุล  (Balance Sheet) เป็นงบการเงินที่แสดงสถานภาพทางการเงินของธุรกิจในวันสิ้นงวด โดยงบดุลนี้จะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน ด้วยกัน คือ สินทรัพย์ (Assets) หนี้สิน (Liabilities) และส่วนของผู้ถือหุ้น (Shareholder’s  Equity)

         

ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของกิจการ และบุคคลภายนอก สามารถทราบถึงฐานและความมั่นคงของธุรกิจได้จากงบดุล โดยเฉพาะเจ้าหนี้ สามารถทราบว่าธุรกิจนั้นจะอยู่ในฐานะที่ชำระหนี้ เมื่อครบกำหนดได้เพียงใด เช่น สามารถวิเคราะห์เพื่อทราบสภาพคล่อง (Liquidity) ของธุรกิจนั้น ซึ่งจะทำให้ทราบถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้

         

นอกจากนั้น งบดุลยังแสดงให้เห็นผลการดำเนินงานของธุรกิจตั้งแต่เริ่มกิจการ เนื่องจากรายการต่าง ๆ แสดงตัวเลขในแง่สะสม ทำให้ทราบแนวโน้มของรายการต่าง ๆ ที่มีอยู่ว่าเป็นไปในทางเพิ่มขึ้นหรือลดลง  รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างรายการหนึ่งกับอีกรายการหนึ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจมีสถานภาพเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

         

การวิเคราะห์งบดุลที่สำคัญวิธีหนึ่งคือ การวิเคราะห์ย่อส่วนตามแนวดิ่ง (Common-Size)

 

ตัวอย่าง

บริษัท  กขค.  จำกัด

งบดุล

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540  และ 31 ธันวาคม 2541

(หน่วย : บาท)

 

2540

2541

     สินทรัพย์

เงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด

 

4,600,000

 

4,450,000

ลูกหนี้การค้า

6,500,000

12,000,000

สินค้าคงเหลือ

9,400,000

11,500,000

     รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

20,500,000

27,950,000

ที่ดิน

2,000,000

1,900,000

โรงงานและอุปกรณ์

13,000,000

15,600,000

ค่าเสื่อมราคาสะสม

(5,000,000)

(4,500,000)

โรงงานและอุปกรณ์สุทธิ

8,000,000

9,100,000

สินทรัพย์อื่น ๆ

4,600,000

6,500,000

      รวม

35,100,000

45,450,000

 

      หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

     หนี้สิน

หนี้สินระยะสั้น

 

 

 

10,000,000

 

 

 

14,000,000

หนี้สินระยะยาว

8,000,000

10,600,000

      ส่วนของผู้ถือหุ้น

 

 

หุ้นสามัญ

4,500,000

5,500,000

กำไรสะสม

12,600,000

15,350,000

      รวม

35,100,000

45,450,000

 

                                                                                                                             จากตัวเลขข้างต้น หากวิเคราะห์จากข้อมูลปี 2541 แล้ว จะเห็นได้ว่า เงินลงทุนในสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัท กขค. จำกัด จะอยู่ในรายการโรงงานและอุปกรณ์ รองลงมาได้แก่ ลูกหนี้และสินค้าคงเหลือ เมื่อวิเคราะห์ทางด้านหนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นของงบดุลแล้ว จะพบว่าเงินทุนส่วนใหญ่ได้มาจากส่วนของผู้ถือหุ้น รองลงมาได้แก่หนี้สินหมุนเวียน และหนี้ระยะยาวตามลำดับ ถ้าเราต้องการวิเคราะห์ความคล่องตัวของบริษัท ผู้วิเคราะห์ก็สามารถเปรียบเทียบอัตราร้อยละของสินทรัพย์หมุนเวียนต่อสินทรัพย์ทั้งสิ้น กับอัตราร้อยละของหนี้สินหมุนเวียนต่อสินทรัพย์ทั้งสิ้น จากงบข้างต้น ในปี 2541 สินทรัพย์หมุนเวียนซึ่งประกอบด้วย เงินสด ลูกหนี้ และสินค้าคงเหลือมีอยู่ 61.49% ในขณะที่หนี้สินหมุนเวียนซึ่งก็คือ หนี้สินระยะสั้นมีเพียง 30.80% จากการเปรียบเทียบดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า สินทรัพย์หมุนเวียนมีมากกว่าหนี้สินหมุนเวียน การวิเคราะห์เพียงคร่าว ๆ ก็พอจะทราบว่าบริษัทนี้มีความคล่องตัว แต่หากจะวิเคราะห์ทำให้ลึกซึ้งมากกว่านี้นั้น  เราจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์จากอัตราส่วนทางการเงิน ให้ทราบรายละเอียดเพิ่มขึ้น

         

จากการวิเคราะห์ข้างต้น การที่เราใช้ข้อมูลเพียงปีเดียวก็จะทราบผลเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น ถ้าต้องการวิเคราะห์ให้ลึกซึ้ง ควรวิเคราะห์ข้อมูลหลาย ๆ ปีต่อเนื่องกัน จะทำให้เราเปรียบเทียบเห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นแต่ละระยะเวลา 1 ปี และสามารถดูแนวโน้มที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

         

การวิเคราะห์ย่อส่วนตามแนวดิ่ง  (Common-Size) แบ่งออกได้เป็น

         

  Common-Size Statement

         

วิธีนี้ เป็นการจัดตัวเลขของแต่ละรายการที่ปรากฎในงบดุล ให้เป็นอัตราร้อยละของสินทรัพย์ทั้งหมด  หรือเป็นอัตราร้อยละของหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น การวิเคราะห์โดยวิธีนี้ จะเน้นให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอัตราส่วนของรายการต่าง ๆ ในงบดุล เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ทั้งหมด และยังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ต่อไป วิธีการจัดทำ Common-Size Balance Sheet มีลักษณะดังนี้

         

ตัวอย่าง

บริษัท  กขค.  จำกัด

Common-Size Balance Sheet

31 ธันวาคม 2540  และ 2541

                                                                   (หน่วย : ร้อยละ)

 

2540

2541

     สินทรัพย์

 

 

เงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด

13.10

9.79

ลูกหนี้

18.52

26.40

สินค้าคงเหลือ

26.78

25.30

     รวมสินทรัพย์หมุนเวียน

58.40

61.49

ที่ดิน

5.70

4.18

โรงงานและอุปกรณ์ (สุทธิ)

22.80

20.02

สินทรัพย์อื่น ๆ

13.10

14.31

      รวมสินทรัพย์ทั้งหมด

100.00

100.00

 

      หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

     หนี้สิน

 

 

หนี้สินระยะสั้น

28.49

30.80

หนี้สินระยะยาว

22.79

23.32

ส่วนของผู้ถือหุ้น

48.72

45.88

      รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

100.00

100.00

 

จากตัวอย่างงบดุลเปรียบเทียบ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 31 ธันวาคม 2541 โดยวิธี Common-Size เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า

  • รายการลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นจาก 18.52% ในปี 2540 มาเป็น 26.40% ในปี 2541 การที่ลูกหนี้เพิ่มขึ้นเช่นนี้อาจเนื่องมาจาก การที่บริษัทได้ผ่อนคลายนโยบายการให้สินเชื่อ หรือภาวะการแข่งขันสูง บริษัทจึงขยายเวลาการให้สินเชื่อเพื่อให้ยอดลูกหนี้เพิ่มขึ้น หรือเพราะความสามารถในการเก็บหนี้ลดลง ผู้ลงทุนจะต้องวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงว่าเหตุที่ลูกหนี้เพิ่มขึ้นเป็นเพราะอะไร
  • รายการสินค้าคงเหลือ ลดลงจาก 26.78% ในปี 2540 มาเป็น 25.30% ในปี 2541 การที่สินค้าคงเหลือลดลงเช่นนี้อาจเนื่องมาจาก สินค้าจำหน่ายได้เร็วขึ้น หรือบริษัทปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับการสั่งซื้อสินค้าให้รัดกุมยิ่งขึ้น
  • ทางด้านหนี้สิน ทั้งหนี้สินระยะสั้นและหนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาจเนื่องมาจากบริษัทมีความจำเป็นในการดำเนินการโดยใช้หนี้สินเพิ่มขึ้น และในขณะเดียวกันรายการส่วนของผู้ถือหุ้นก็ลดลง

         

  Current Asset Proportion

         

การวิเคราะห์ Current Asset Proportion เป็นการวิเคราะห์สินทรัพย์แต่ละรายการที่เป็นสินทรัพย์หมุนเวียน เช่น เงินสด ลูกหนี้ และสินค้าคงเหลือ โดยจัดตัวเลขสินทรัพย์แต่ละรายการดังกล่าวเป็นอัตราร้อยละของสินทรัพย์หมุนเวียน การวิเคราะห์นี้จะช่วยเน้นให้เห็นว่าแนวทางการใช้ไปของเงินทุนของกิจการเป็นอย่างไร ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดการเกี่ยวกับสินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัท เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านี้ จะเป็นส่วนที่ทำกำไรให้กับบริษัท และมีสภาพคล่องใกล้เคียงกับเงินสด จากตัวอย่างงบดุลจะคำนวณได้อัตราร้อยละของสินทรัพย์หมุนเวียนประเภทต่าง ๆ ดังนี้

         

ตัวอย่าง

บริษัท  กขค.  จำกัด

Current Asset Proportion

2540  และ 2541

                                                                   (หน่วย : ร้อยละ)

 

2540

2541

เงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด

22.44

15.92

ลูกหนี้การค้า

31.71

42.93

สินค้าคงเหลือ

45.89

41.15

 

100.00

100.00

 

จากงบข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ความคล่องตัวของบริษัทนี้ลดลง เนื่องจากลูกหนี้ในปี 2541 สูงกว่าในปี 2540 และเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดกลับลดลง ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเกิดปัญหาในการเก็บหนี้อย่างไรก็ตาม รายการสินค้าคงเหลือลดลง เราอาจจะวิเคราะห์อย่างคร่าว ๆ ได้ว่าการจำหน่ายสินค้าของบริษัทได้ผลดี การบริหารสินค้าคงเหลือมีประสิทธิภาพและสามารถจำหน่ายสินค้าได้เร็วขึ้น

         

  Capital Structure Proportion

         

การวิเคราะห์ Captial Structure Proportion เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับโครงสร้างของเงินทุน ซึ่งจะช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risk) ของบริษัท และเพื่อให้เห็นถึงส่วนของผู้ถือหุ้นให้เด่นชัดขึ้น พร้อมกับคาดการณ์แนวทางของผู้บริหารที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนดังกล่าว การจัดทำงบแสดงสัดส่วนโครงสร้างของเงินทุน มีลักษณะดังนี้

         

ตัวอย่าง

บริษัท  กขค.  จำกัด

งบแสดงสัดส่วนโครงสร้างของเงินทุน 2540 และ 2541

                                                                   (หน่วย : ร้อยละ)

 

2540

2541

หนี้สินระยะยาว

31.87

33.70

หุ้นสามัญ

17.93

17.49

กำไรสะสม

50.20

48.81

 

100.00

100.00

 

จากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ส่วนประกอบโครงสร้างของเงินทุนของบริษัท กขค จำกัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 และ 2541 นั้น มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทุนหุ้นสามัญลดลงเพียงเล็กน้อย หนี้สินระยะยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับกำไรสะสมนั้นลดลง

         

3.1.2  การวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน

         

งบกำไรขาดทุน (Income Statement) เป็นงบการเงินที่แสดงผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน เป็นการชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทนั้น

         

ผลการดำเนินงานของบริษัทในด้านกำไรสุทธิ หรือขาดทุนสุทธิจะมีผลต่องบดุล กล่าวคือ กรณีที่รายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย (กำไรสุทธิ) จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีที่รายได้น้อยกว่าค่าใช้จ่าย (ขาดทุนสุทธิ) ก็จะเกิดผลในทางกลับกัน งบกำไรขาดทุนจึงเป็นงบการเงินที่มีผลในการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเกิดจากการดำเนินงานในงวดเวลาหนึ่ง และมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสินทรัพย์

         

ตัวอย่าง

บริษัท  กขค.  จำกัด

งบกำไรขาดทุน

สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2540  และ 31 ธันวาคม 2541

                                                                                                (หน่วย : บาท)

 

2540

2541

ขาย

42,800,000

72,760,000

ต้นทุนขาย

14,980,000

25,500,000

         กำไรขั้นต้น

27,820,000

47,260,000

ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริการ

19,000,000

30,400,000

         กำไรจากการดำเนินงาน

8,820,000

16,860,000

ดอกเบี้ยจ่าย

250,000

1,800,000

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

500,000

1,750,000

         กำไรก่อนหักภาษี

8,070,000

13,310,000

ภาษีเงินได้

2,421,000

3,993,000

         กำไรสุทธิ

5,649,000

9,317,000

เงินปันผลจ่าย

2,259,600

5,590,200

 

เมื่อเทียบตัวเลขของรายการต่าง ๆ จากงบกำไรขาดทุนข้างต้น โดยประยุกต์ให้เป็นอัตราร้อยละของยอดขายตามวิธี Common-Size แล้ว จะได้ตัวเลขดังนี้

         

ตัวอย่าง

บริษัท  กขค.  จำกัด

งบกำไรขาดทุน (แสดงในลักษณะ Common-Size)

สำหรับปี 2540  และ 2541

(หน่วย : ร้อยละ)

 

2540

2541

ขาย

100.00

100.00

ต้นทุนขาย

35.00

35.05

         กำไรขั้นต้น

65.00

64.95

ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริการ

44.39

41.78

         กำไรจากการดำเนินงาน

20.61

23.17

ดอกเบี้ยจ่าย

0.58

2.47

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

1.17

2.41

         กำไรก่อนหักภาษี

18.86

18.29

ภาษีเงินได้

5.66

5.49

         กำไรสุทธิ

13.20

12.80

 

จากงบกำไรขาดทุนโดยเทียบเป็นอัตราร้อยละของยอดขายข้างต้นสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ดังนี้

         

  •   บริษัท กขค จำกัด มีต้นทุนขายประมาณร้อยละ 35 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ทั้งนี้อาจจะเนื่องด้วยสาเหตุ ประสิทธิภาพในการผลิตสูง ต้นทุนการผลิตทางตรงต่ำ
  •   เนื่องจากต้นทุนขายในปี 2540 และ 2541 อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน กำไรขั้นต้นของทั้งสองปีจึงอยู่ในระดับเดียวกัน คือ ประมาณ 65%
  •   ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของบริษัทนี้ในปี 2540 มีร้อยละ 44.39 และได้ลดลงเหลือร้อยละ 41.78 ในปี 2541 แสดงว่าประสิทธิภาพในการดำเนินงานเริ่มสูงขึ้น
  •   ตัวเลขที่ปรากฎในรายการกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท จะให้ประโยชน์แก่ผู้ลงทุน เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัททั้งในด้านผลิตและจำหน่าย จากตัวเลขข้างต้น กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.16 ในปี 2540 มาเป็น 23.17 ในปี 2541 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น
  •   กำไรสุทธิในปี 2541 ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องมาจากดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจากร้อยละ 0.58 ในปี 2540 มาเป็นร้อยละ 2.47

         

ดังนั้น อาจสรุปการวิเคราะห์งบกำไรขาดทุนของบริษัทได้ว่า ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจค่อนข้างสูง ซึ่งอาจเนื่องมาจากแผนการผลิต แผนการขายและแผนการตลาด ของบริษัทนี้มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมาย เป็นการเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนแก่ผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม ผู้วิเคราะห์ควรจะนำสัดส่วนในแต่ละรายการของบริษัท ไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานของอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันด้วย

         

3.1.3  การวิเคราะห์งบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน  (Statement of Changes in Financial Position)

         

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน เป็นงบที่จัดทำขึ้น เพื่อแสดงที่มาและการใช้ไปของเงินสดและเงินทุนหมุนเวียนในระหว่างงวดบัญชี อันเนื่องมาจากการดำเนินงาน และจากการเปลี่ยนแปลงรายการสินทรัพย์ และหนี้สินอื่นที่มิใช่ทุนหมุนเวียนแต่มีผลต่อทุนหมุนเวียน

         

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน จะแสดงให้เห็นถึงแหล่งที่มาของเงินทุน (Sources of Funds) และการใช้ไปของเงินทุน (Uses of Funds) ในรอบปี เพื่อให้ทราบว่าในระหว่างปีนั้น เงินทุนของกิจการได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไร และประกอบด้วยรายการอะไรบ้าง

         

แหล่งที่มาของเงินทุน (Sources of Funds) ที่สำคัญ ได้แก่

         

  •   กำไรสุทธิ กำไรสุทธิเป็นผลทำให้เงินทุนของกิจการเพิ่มขึ้น ในกรณีที่มีผลขาดทุนจะเกิดผลในทางทำให้เงินทุนลดลง
  •   ค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนที่ไม่ต้องใช้เงินทุน เช่น ค่าเสื่อมราคา เป็นผลทำให้เงินทุนของกิจการเพิ่มขึ้น นอกเหนือไปจากกำไรสุทธิ
  •   สินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์อื่นที่ลดลง เช่น จำหน่ายที่ดินและอาคาร ขายหลักทรัพย์ ลูกหนี้ลดลง สินค้าคงเหลือลดลง
  •   หนี้สินระยะยาว และหนี้สินอื่นที่เพิ่มขึ้น เช่น ออกหุ้นกู้ เจ้าหนี้เพิ่มขึ้น
  •   ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่ม เช่น การขายหุ้นเพิ่มทุน

         

ทางที่ใช้ไปของเงินทุน (Uses of Funds) ที่สำคัญ ได้แก่

         

  •   สินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์อื่นที่เพิ่มขึ้น เช่น ซื้อที่ดิน อาคารและเครื่องจักร ซื้อหลักทรัพย์ ลูกหนี้เพิ่มขึ้น สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น
  •   หนี้สินระยะยาว และหนี้สินอื่นที่ลดลง เช่น ไถ่ถอนหุ้นกู้ เจ้าหนี้ระยะสั้นลดลง
  •   ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง เช่น การลดทุน
  •   การจ่ายเงินปันผล

         

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน ให้ประโยชน์ในแง่ที่จะสะท้อนให้เห็นถึง นโยบายทางการเงินของธุรกิจซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ คือ

         

  •   การจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม
  •   การจัดสรรเงินทุนที่มีอยู่
  •   การใช้เงินทุน และผลทางการเงินที่จะตามมา
  •   การแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะหน้า

         

ตัวอย่าง

บริษัท กขค จำกัด

งบแดสงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงิน

สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2541

                                                                             (หน่วย : บาท)

ที่มาของทุนหมุนเวียน

 

 

จากการดำเนินงาน

3,293,000

 

บวก ค่าเสื่อมราคา

500,000

 

เงินทุนได้มาจากการดำเนินงาน

3,793,000

 

หนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น

4,000,000

 

กู้ยืมธนาคารเพิ่ม

2,600,000

 

ขายหุ้นสามัญ

1,000,000

 

ขายที่ดิน

100,000

 

 

11,493,000

ทางใช้ทุนหมุนเวียน

 

 

ลูกหนี้เพิ่มขึ้น

5,500,000

 

สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น

2,100,000

 

 

2,600,000

 

 

1,100,000

 

จ่ายเงินปันผล

5,590,000

 

 

16,890,200

ทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น (ลดลง)

(5,397,200)

 

         

จากงบแสดงการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของบริษัท กขค. จำกัด จะเห็นว่า บริษัทมีทุนหมุนเวียนลดลง 5,397,200 บาท เนื่องจากการใช้ทุนหมุนเวียนมากกว่าที่มาของทุนหมุนเวียน ซึ่งทางใช้ทุนหมุนเวียนเป็นยอดลูกหนี้เพิ่มขึ้น และการจ่ายเงินปันผล เป็นสำคัญ สำหรับที่มาของทุนหมุนเวียน เกิดจากการก่อหนี้ทั้งที่เป็นหนี้สินหมุนเวียน และหนี้สินระยะยาวเป็นสำคัญ

         

3.2  การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน  (Ratios Analysis)

         

จากการวิเคราะห์ย่อส่วนตามแนวดิ่ง (Common-Size) ที่แสดงข้างต้น เป็นการวิเคราะห์อย่างคร่าว ๆ หากผู้วิเคราะห์ต้องการทราบรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้วิเคราะห์อาจจะใช้การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน (Ratios Analysis) เข้ามาช่วยโดยการนำรายการต่าง ๆ มาเทียบอัตราส่วน เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างทรัพย์สิน หนี้สิน ทุน รายได้ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินนี้แบ่งตามจุดมุ่งหมายในการใช้ได้เป็น 4 ลักษณะด้วยกัน คือ

         

3.2.1   การวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงิน                

3.2.2   การวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

3.2.3   การวิเคราะห์ความสามารถในการหากำไรของเงินทุน

3.2.4   การวิเคราะห์นโยบายทางการเงินของบริษัท

 

         

 

ตารางแสดงอัตราส่วนและความหมายของการวิเคราะห์

อัตราส่วน

ความหมายของการวิเคราะห์

1. อัตราส่วนวิเคราะห์

สภาพคล่องทางการเงิน

     อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน

     (Current Ratio)

 

สินทรัพย์หมุนเวียน

หนี้สินหมุนเวียน

เป็นอัตราส่วนใช้วัดความสามารถในการชำระหนี้สินระยะสั้นอัตราส่วนนี้เป็นเครื่องชี้ฐานะทางการเงินระยะสั้นของธุรกิจ ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่ายิ่งสูง ยิ่งแสดงว่าบริษัทมีความคล่องตัวมาก เจ้าหนี้ระยะสั้นจะให้ความสำคัญต่ออัตราส่วนนี้มากเนื่องจากแสดงโอกาสที่จะได้รับชำระหนี้ว่ามีอยู่มาก หรือน้อยตามค่าอัตราส่วน โดยทั่วไปธุรกิจที่มีอัตราส่วนเงินทุนเวียนเท่ากับ 2:1 ถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่ในการที่จะตัดสินใจก็ควรจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ลักษณะ

และประเภทของธุรกิจ ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน เป็นต้น

     อัตราส่วนสินทรัพย์คล่องตัว

     (Quick Ratio)

 

สินทรัพย์หมุนเวียน - สินค้าคงเหลือ

หนี้สินหมุนเวียน

อัตราส่วนนี้ใช้สำหรับวัดความสามารถของธุรกิจในการชำระหนี้สินหมุนเวียนจากสินทรัพย์หมุนเวียนที่หักสินค้าคงเหลือออก ทั้งนี้ เพื่อพยายามตัดสิ่งซึ่งจะเป็นปัญหาในการเปลี่ยนแปลงเงินสดออก (สินค้าคงเหลือ) อัตราส่วนนี้ค่ายิ่งมาก ก็แสดงว่าธุรกิจนี้มีสภาพคล่องสูงโดย

ปกติอัตราส่วน 1:1 ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว

     อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้

     (Receivable Turnover)

ขายเชื่อสุทธิ

ลูกหนี้เฉลี่ย

อัตราส่วนนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างยอดขายเชื่อสุทธิกับยอดลูกหนี้เฉลี่ย ถ้าอัตราการหมุนเวียนอยู่ในอัตราสูงแสดงว่าธุรกิจมีความสามารถในการบริหารลูกหนี้และสามารถเปลี่ยนลูกหนี้เป็นเงินสดได้เร็ว

     ระยะเวลาถัวเฉลี่ยการเก็บหนี้

     (Average Collection Period)

 

                 360               .

อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้

อัตราส่วนนี้แสดงถึงระยะเวลาการเรียกเก็บเงินว่ายาวนานแค่ไหน ผู้วิเคราะห์สามารถนำมาเปรียบเทียบกับเงื่อนไขการชำระเงิน (Term of sale) ของธุรกิจ ซึ่งจะทำให้เห็นถึงความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ว่ามี

ประสิทธิภาพหรือไม่

 

อัตราส่วน

ความหมายของการวิเคราะห์

     อัตราการหมุนเวียนของสินค้า

     (Inventory Turnover)

 

ต้นทุนสินค้าขาย

สินค้าคงเหลือเฉลี่ย

อัตราส่วนนี้ใช้วัดอัตราการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือเพื่อให้ทราบถึงความคล่องตัวของสินค้าว่าสามารถ

จำหน่ายสินค้าได้เร็วเพียงใด ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่ายิ่งสูงยิ่งแสดงว่าสินค้าของบริษัทสามารถขายได้เร็ว แสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารงานขายของบริษัท

2. อัตราส่วนวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

     กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายล่วงหน้าตัดบัญชี

(Earnings Before Interest, Taxation, Depreciation and Amortization : EBITDA)

 

 

อัตราส่วนนี้สะท้อนกำไรที่มาจากการดำเนินงาน ที่ยังไม่นำต้นทุนทางการเงินเข้ามาพิจารณา เช่น ภาระดอกเบี้ยจ่าย จากการก่อหนี้เพื่อมาดำเนินงาน และไม่นับรวมค่าใช้จ่ายทางบัญชีซึ่งยังมิได้จ่ายจริง อาทิ ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดบัญชีต่าง ๆ EBITDA จึงยังไม่รวมกำไร(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน ภาระภาษี ฯลฯ

ทั้งนี้ EBITDA สามารถนำประยุกต์ในการวิเคราะห์ทางการเงินได้ในหลายแง่มุม เช่น Discounted Cash Flow หรือการประเมินมูลค่าบริษัทในอนาคต ซึ่งควรใช้พิจารณาร่วมกับอัตราส่วนอื่น ๆ เพื่อให้การวิเคราะห์

งบการเงินสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

     ความสามารถหากำไร หรือกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์ทั้งหมด (Earning Power)

กำไรจากการดำเนินงาน

สินทรัพย์ทั้งหมดเฉลี่ย

อัตราส่วนนี้ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อหาผลตอบแทนที่ได้จากสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โดยการพิจารณากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (กำไรจากการดำเนินงาน)

เทียบกับการใช้สินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท

     อัตราการหมุนเวียนของสินทรัพย์ดำเนินงาน   (Operating Asset Turnover)

ขายสุทธิ         .

สินทรัพย์ทั้งหมดเฉลี่ย

อัตราส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท สามารถก่อให้เกิดยอดขายเทียบกับ

สินทรัพย์ทั้งหมด

อัตราส่วน

ความหมายของการวิเคราะห์

   

อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขาย(Operating Income Margin)

 

กำไรจากการดำเนินงาน

ขายสุทธิ

อัตราส่วนนี้เป็นการวัดความสามารถในการจัดการ แสดงให้เห็นถึงรายได้จากการขายคงเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นแล้ว

กรณีที่อัตราส่วนนี้ลดลง อาจจะมีสาเหตุมาจากกำไรขั้นต้นต่ำไป เนื่องจากต้นทุนสินค้าสูงหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ สูงขึ้นไม่สัมพันธ์กับยอดขาย ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุง

แก้ไขและควบคุมอย่างเข้มงวด ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว อาจเนื่องมาจากความต้องการของตลาดลดลงหรือ ภาวะการแข่งขันสูง หรือต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น เนื่องากประสิทธิภาพในการผลิตต่ำลง เป็นต้น

3. อัตราส่วนวิเคราะห์ความสามารถในการหากำไร

     ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมด   (Return on Asset)

กำไรสุทธิ    .

สินทรัพย์ทั้งหมด

 

     ผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น

     (Return on Equity)

กำไรสุทธิ    .

ส่วนของผู้ถือหุ้น

 

 

เป็นอัตราส่วนที่วัดความสามารถในการทำกำไรของเงินลงทุนที่มาจากสองส่วนด้วยกัน คือ หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

 

อัตราส่วนนี้ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวัดผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือเงินทุนที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารงานเพื่อให้เกิดผลตอบแทนแก่

ผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของกิจการ

4. อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน

     อัตราส่วนของหนี้สินต่อทรัพย์สินรวม  (Debt Ratio)

 

หนี้สินรวม

สินทรัพย์รวม

 

อัตราส่วนนี้แสดงสัดส่วนของหนี้สินรวมของบริษัทเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งใช้วัดว่าสินทรัพย์ของบริษัทสนับสนุนเงินทุนจากเงินกู้ยืมจากภายนอกเป็นสัดส่วนเท่าใด นอกจากนั้น ยังแสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท ถ้าอัตราส่วนนี้สูง แสดงว่าบริษัทมีภาระหนี้สินสูง การบริหารกิจการมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้นและกิจการมีกระแสเงินสดหมุนเวียนจากการขายต่ำ ซึ่งแม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงแต่ก็แสดงถึงความสามารถในการใช้สินทรัพย์สูงหากกิจการสามารถดำเนินการได้มีกำไร

อัตราส่วน

ความหมายของการวิเคราะห์

     อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น

     (Debt to Equity Ratio)

 

หนี้สินรวม

ส่วนของผู้ถือหุ้น

อัตราส่วนนี้แสดงโครงสร้างของเงินทุน (Capital Structure) ของบริษัทว่ามีสัดส่วนของหนี้สินรวมของบริษัทเมื่อเทียบกับส่วนของทุนหรือส่วนของเจ้าของเป็น

 

กิจการมีกระแสเงินสดหมุนเวียนจากการขายต่ำ ซึ่งแม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงแต่ก็แสดงถึงความสามารถในการใช้สินทรัพย์สูงหากกิจการสามารถดำเนินการได้มีกำไร

อัตราส่วน

ความหมายของการวิเคราะห์

     อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น

     (Debt to Equity Ratio)

 

หนี้สินรวม

ส่วนของผู้ถือหุ้น

อัตราส่วนนี้แสดงโครงสร้างของเงินทุน (Capital Structure) ของบริษัทว่ามีสัดส่วนของหนี้สินรวมของบริษัทเมื่อเทียบกับส่วนของทุนหรือส่วนของเจ้าของเป็นเท่าใด เป็นการวัดว่าธุรกิจใช้เงินทุนจากภายนอก (จาก

การกู้ยืม) เมื่อเทียบกับทุนภายในของธุรกิจเองว่ามีสัดส่วนเท่าใด ซึ่งหนี้สินเป็นแหล่งเงินทุนที่บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่าย ไม่ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเป็นอย่างไร ถ้าอัตราส่วนหนี้สูงก็แสดงว่าบริษัทก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย

     ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย

     (Interest Coverage)

 

กำไรจากการดำเนินงาน   หรือ

        ดอกเบี้ยจ่าย

 

กำไรสุทธิ-ภาษีเงินได้-ดอกเบี้ยจ่าย

        ดอกเบี้ยจ่าย

อัตราส่วนนี้แสดงถึงความสามารถในการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ของธุรกิจ โดยวิเคราะห์เพื่อหากำไรจากการดำเนินงาน  (กำไรสุทธิ + ภาษีเงินได้ + ดอกเบี้ยจ่าย) ต่อ ดอกเบี้ยจ่าย อัตราส่วนนี้ยิ่งสูงก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจแก่เจ้าหนี้ในการที่จะได้รับชำระดอกเบี้ย การที่อัตราส่วนนี้ลดลงอาจจะ เนื่องมาจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งหรือหลายสาเหตุ เช่น

ดอกเบี้ยจ่ายสูงเกินไป หรือเงินกู้เพิ่มขึ้น หรือ กำไรลดลง

     อัตราการจ่ายปันผล

     (Dividend Payout)

 

เงินปันผล

กำไรสุทธิ

อัตราส่วนนี้ใช้ในการพิจารณาว่าธุรกิจมีนโยบายในการ จ่ายเงินปันผลอย่างไร ถ้าอัตราส่วนนี้สูงก็แสดงให้เห็นว่า กำไรส่วนใหญ่ของธุรกิจใช้ไปเพื่อตอบแทนผู้ลงทุนหรือ เจ้าของกิจการโดยการจ่ายเงินปันผลและคงเหลือกำไร เพียงบางส่วนไว้เพื่อการขยายกิจการของธุรกิจ

 

 

จากงบการเงินของบริษัท กขค. จำกัด เมื่อนำมาคำนวณหาอัตราส่วนทางการเงิน โดยใช้อัตราส่วนต่าง ๆ ที่แสดงในตารางข้างต้น จะได้ผลโดยสรุป ดังนี้

 

2540

2541

อัตราส่วนวิเคราะห์ความคล่องตัวทางการเงิน

อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน (เท่า)

 

2.05

 

2.00

อัตราส่วนสินทรัพย์คล่องตัว (เท่า)

1.11

1.18

อัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้ (ครั้ง)

6.85

7.86

ระยะเวลาถัวเฉลี่ยการเก็บหนี้ (วัน)

52.55

45.80

อัตราการหมุนเวียนของสินค้า (ครั้ง)

 

 

อัตราส่วนวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

ความสามารถหากำไร (%)

 

27.96

 

41.86

อัตราการหมุนของสินทรัพย์ดำเนินงาน (เท่า)

1.36

1.81

อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขาย (%)

20.61

23.17

อัตราส่วนวิเคราะห์ความสามารถในการหากำไร

ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมด

 

15.67

 

19.34

ผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญ

32.16

42.17

อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน

อัตราส่วนของหนี้สินต่อทรัพย์สินรวม  (เท่า)

 

0.51

 

0.54

อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น  (เท่า)

1.05

1.18

ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย  (ครั้ง)

35.28

9.36

อัตราการจ่ายปันผล  (%)

50.92

70.52

         

 

เมื่อพิจารณางบการเงินของบริษัท กขค. จำกัด โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินข้างต้น อาจสามารถวิเคราะห์ตีความได้ดังนี้

         

3.2.1  การวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงิน

         

จากการวิเคราะห์สภาพคล่องของบริษัท ซึ่งเป็นการวัดความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัท ปรากฏว่า Current Ratio ของบริษัท กขค. จำกัด ในปี 2540 และปี 2541 มีอัตราใกล้เคียงกัน คือประมาณ 2.00 เท่า ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องพิจารณาสินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัทส่วนใหญ่ ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงกับเงินสดมากน้อยเพียงใด โดยวิเคราะห์จากอัตราส่วน Quick Ratio ซึ่งได้ตัดสินค้าคงเหลือ ที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงสุดในบรรดาสินทรัพย์หมุนเวียน และมีความคล่องต่ำออกไป จะเห็นได้ว่า Quick ratio ของบริษัท กขค. จำกัด เท่ากับ 1.11 ในปี 2540 และเท่ากับ 1.18 ในปี 2541 ตามลำดับ แสดงว่าความคล่องตัวของบริษัท อยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อย และอัตราส่วนนี้ได้เพิ่มขึ้นภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งปี

         

สำหรับอัตราการหมุนเวียนของลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้น และระยะเวลาถัวเฉลี่ยการเก็บหนี้ ซึ่งเท่ากับ 53 วัน ในปี 2540 และลดลงเป็น 46 วัน ในปี 2541 แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถเก็บหนี้ได้เร็วขึ้น และการที่อัตราการหมุนเวียนของสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 1.72 ครั้งในปี 2540 เป็น 2.44 ครั้งในปี 2541 แสดงว่าบริษัทนี้ได้มีการปรับปรุงเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือ โดยการส่งเสริมการจำหน่าย เพื่อเพิ่มยอดขายด้วยการโฆษณา หรือการปรับปรุงช่องทางจำหน่ายให้สามารถระบายสินค้าได้เร็วขึ้น เป็นต้น

         

3.2.2  การวิเคราะห์ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

         

อัตราส่วน Earning Power ของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นจาก 27.96% ในปี 2540 เป็น 41.86% ในปี 2541 แสดงความสามารถในการก่อให้เกิดผลตอบแทนของบริษัทนี้เพิ่มขึ้น หากแสดงรายละเอียดของอัตราส่วนนี้เพิ่มเติม จะเห็นได้ว่า เกิดจากผลคูณระหว่างอัตราการหมุนของสินทรัพย์ดำเนินงาน และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขาย ดังนี้

         

     ความสามารถ    =         อัตราการหมุนของ        X         อัตราส่วนกำไรจาก

 หากำไร               สินทรัพย์ดำเนินงาน                การดำเนินงานต่อยอดขาย

 

         

  กำไรจากการดำเนินงาน       =      ขายสุทธิ        X     กำไรจากการดำเนินงาน

   สินทรัพย์ทั้งหมดเฉลี่ย             สินทรัพย์ทั้งหมดเฉลี่ย             ขายสุทธิ

         

ปี  2540        Earning Power       =   1.36 x 20.61

ปี  2541        Earning Power     = 1.81 x 23.17

         

จากการแสดงรายละเอียดการวิเคราะห์ จะเห็นได้ว่าการที่ Earning Power ของบริษัทในปี 2541 เพิ่มขึ้นจากปี 2540 สาเหตุสำคัญ คือ การที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขายของบริษัท ได้เพิ่มขึ้นจาก 20.61% ในปี 2540 มาเป็น 23.17% ในปี 2541 และ อัตราการหมุนของสินทรัพย์ดำเนินงาน ก็ได้เพิ่มขึ้นจาก 1.36 เท่าในปี 2540 เป็น 1.81 เท่ากับในปี 2541 เช่นกัน

         

3.2.3  การวิเคราะห์ความสามารถในการหากำไรของธุรกิจ

         

อัตราส่วนวิเคราะห์ความสามารถในการหากำไรของบริษัท เป็นอัตราส่วนวัดประสิทธิภาพในการใช้เงินทุนทั้งหมด หรือเงินทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้น สำหรับบริษัทนี้อัตราส่วน Return on Asset ได้เพิ่มขึ้นจาก 15.67% ในปี 2540 เป็น 19.34% ในปี 2541 นอกจากนั้น ผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นสามัญ (Return on Equity) ก็ได้เพิ่มขึ้นจาก 32.16% ในปี 2540 เป็น 42.17% ในปี 2541 เช่นกัน

         

3.2.4  การวิเคราะห์นโยบายทางการเงินของบริษัท

         

อัตราส่วนของหนี้สินต่อทรัพย์สินรวมเป็นอัตราส่วนวัดว่า แหล่งที่มาของเงินทุนในทรัพย์สินของกิจการ มาจากการกู้ยืมหรือเจ้าหนี้ในอัตราส่วนเท่าใด สำหรับบริษัทนี้ อัตราส่วน Debt Ratio ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.51 เท่าในปี 2540 เป็น 0.54 เท่าในปี 2541 แสดงว่าอัตราส่วนของการกู้ยืมประมาณครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินรวม นอกจากนี้ อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้สินระยะยาวของกิจการ สำหรับบริษัทนี้อัตราส่วน Debt to Equity Ratio ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.05 เท่าในปี 2540 เป็น 1.18 เท่าในปี 2541 ซึ่งหมายถึง อัตราส่วนของหนี้สูงขึ้น แสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสจะได้ผลตอบแทนสูงขึ้น เพราะมีการใช้เงินทุนจากแหล่งเงินกู้อื่นสูงกว่าจากผู้ถือหุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ แต่บริษัทก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเงินกู้เป็นแหล่งเงินทุนที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย

         

สำหรับอัตราส่วนวิเคราะห์ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย จะแสดงให้เห็นความสามารถในการชำระดอกเบี้ยของบริษัท ว่าสามารถนำกำไรจากการดำเนินงานมาจ่ายดอกเบี้ยได้มากน้อยเพียงใด อัตราส่วนนี้ใช้วัดความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย และใช้วัดความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ ที่มีต่อบริษัทว่า จะได้รับชำระหนี้ทันกำหนดหรือไม่ จากอัตราส่วนนี้ของบริษัท กขค. จำกัด ซึ่งลดลงจาก 35.28 ครั้งในปี 2540 เป็น 9.36 ครั้งในปี 2541 แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง เนื่องจากมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากปี 2540 มาก

         

สำหรับอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ซึ่งเป็นอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผลจากกำไรที่ได้ในแต่ละปีให้แก่ผู้ถือหุ้น บริษัทนี้จ่ายเงินปันผลในอัตรา 50.92% ในปี 2540 และ 70.52% ในปี 2541 ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงมาก การจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิของบริษัทในอัตราที่สูง สามารถดึงดูดใจผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนในรูปของเงินปันผล ณ สิ้นงวดบัญชีได้

 

รวบรวมโดย จรัส อินทร์คง




ความรู้เกี่ยวกับบัญชี

ประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงินปี พ.ศ. 2566 article
คำชี้แจงประกาศกรมกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดรายการย่อที่ต้องมีในงบการเงิน พ.ศ. 2566 (ฉบับเต็ม) article
สมาคมการค้า article
สรุปความแตกต่าง ที่สำคัญของหลักการทางบัญชีกับกฎหมายภาษี สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ-ลูกหนี้
หลักเกณฑ์ และวิธีการนำส่งงบการเงิน และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น อัตราค่าปรับยื่นงบล่าช้าปี 2563 เป็นต้นไป article
ประกาศกรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นงบการเงิน(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2549 article
อัตราค่าปรับ กรณีไม่ยื่นงบการเงินหรือยื่นล่าช้า ถึงปี 2555 article
การยื่นแบบคำขอใช้สิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล(BOI) article
สิทธิในการได้รับ ค่าชดเชย เมื่อถูกเลิกจ้าง article
สรุปมาตรฐานการบัญชี และการจัดเลขระบุฉบับมาตรฐานการบัญชีของไทยให้ตรงตามมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ article
รายการย่อที่ต้องมีในงบการเงินและความหมาย article
นิติบุคล มีหน้าที่ที่จะต้องปฎิบัติตามกฎหมายและพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ.2543 ดังต่อไปนี้ article
ประกันสังคม การขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา 39 article
บัญชีสำหรับกิจการอุตสาหกรรม
Foreign Business Act B.E. 2542 (1999)
Accounting Act, B.E. 2543 (2000)
การโอนกิจการ และ การควบกิจการ
เงินปันผล และ เงินส่วนแบ่งกำไร พร้อม หลักการบัญชี
ตารางสรุป ภาระภาษี การควบหรือโอนกิจการ
งบกระแสเงินสด การจัดทำงบกระแสเงินสด
การปรับปรุงรายการทางบัญชี และ การแก้ไขข้อผิดพลาด
ความแตกต่างระหว่าง บัญชีการเงิน กับ บัญชีบริหาร ความแตกต่างระหว่างบัญชีบริหาร กับ บัญชีต้นทุน
ประโยชน์ของการจัดทำบัญชี
พระราชบัญญัติการบัญชี 2543 , พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี 2547 - ภาษาไทย
ACCOUNTING PROFESSIONS ACT, B.E. 2547 (2004)
ปัญหาเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีและปัญหาเกี่ยวกับการบันทึกบัญชี



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
บริษัท สำนักงานจรัสทนายความและการบัญชี จำกัด เลขที่ 334 หมู่ที่ 9 ซอยสำโรงเหนือ 21 ถนนสุขุมวิท 113 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ 10270 โทรศัพท์ 081-802-2731 , 02-349-4238 โทรสาร 02-349-4239 Email :jarat_inkong@yahoo.com Website : http://www.jarataccountingandlaw.com ผู้ให้การสนับสนุน จัดทำเว็บ ออกแบบเว็บ โปรโมทเว็บ เว็บดีไซน์ เว็บโฮสติ้ง by Tismarketing.com รวมเวบไซต์:
Enter Songtoday.com and Vote for this site !!!
http://www.marinerthai.com/topsite/ http://www.media4stream.com/topsites/ ท่องเที่ยว 76 จังหวัด video clip,คลิปหลุดดารา,blog,บล็อก โปรโมทเว็บ software download เขียนบล็อก สถานที่ท่องเที่ยว ทิปดีดี อาชีพเสริม ท่องเที่ยวไทย สมุนไพร โปรโมทสินค้าฟรี Celebrity Biography free software thailand travel Thailand hotels Online shopping and reviews world movie submit articles Travel Classifieds amazon compare prices web directory free wallpaper add site Electronic specifications โพสสุขสันต์ ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี