เรื่องการบังคับคดี โดยทั่วไปเข้าใจกันว่าหากครบกำหนดเวลา 10 ปีแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะหมดสิทธิในการบังคับคดี แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องการบังคับคดีก่อนครบ 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา แล้วต่อมาจะมีการยึดทรัพย์สินของจำเลย ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกิน 10 ปีแล้ว ก็ยังยึดทรัพย์สินได้ตลอดไปไม่มีระยะเวลาแล้ว เพราะถือว่าเจ้าหนี้ได้ร้องขอให้บังคับคดีกับทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายในระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา
ขั้นตอนการบังคับคดีตั้งแต่ศาลได้มีคำพิพากษาแล้วมีดังนี้
1) การบังคับคดี เป็นกระบวนการหลังจากที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว เมื่อจะมีการบังคับคดี โดยอาศัยเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลตั้งให้นั้นจะต้องมีการออกหมายบังคับคดี ซึ่งเรียกว่า หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเกิดอำนาจขึ้นในการที่จะยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยได้
การบังคับคดีนั้นเป็นได้ทั้งเรื่องของหนี้และไม่ใช่ของหนี้ จึงต้องบังคับให้เป็นไปตามสภาพ ซึ่งเปิดช่องให้บังคับ เปิดช่องให้บังคับอย่างไรก็ต้องบังคับอย่างนั้น เช่น กรณีหนี้เงิน ก็บังคับเอากับทรัพย์สินของจำเลย เพื่อนำมาขายทอดตลาด โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินมาชำระหนี้เงินนั้น เป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
2) ผู้มีอำนาจบังคับคดีได้คือ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษามิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน เจ้าหนี้จึงชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีได้ ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 271 ถ้าคู่ความหรือบุคคลที่เป็นฝ่ายแพ้คดี (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง โดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
จะเห็นว่า มาตรา 271 ที่ว่าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายที่ชนะคดีหรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากับคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี กฎหมายไม่ได้ระบุเจาะจงลงไปว่าเป็นโจทก์หรือจำเลย ซึ่งเป็นคู่ความเดิมเท่านั้น ในการที่จะวินิจฉัยว่าใครเป็นบุคคลผู้ชนะคดีหรือที่แพ้คดีต้องพิจารณาดูคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นๆ เป็นสำคัญว่าใครจะเป็นผู้มีสิทธิบังคับคดีหรือเป็นผู้ต้องถูกบังคับคดี เมื่อไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นๆ
3) สิทธิในการบังคับคดีหรือถูกบังคับคดีเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท ถ้าการบังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน สิทธิในการบังคับคดีหรือหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลของคู่ความ ย่อมเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของคู่ความฝ่ายนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1599 และ 1600 ด้วย
การใช้สิทธิในการบังคับคดี ไม่ใช่การใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพ่ง ดังนั้นเจ้าหนี้ของคู่ความที่ชนะคดีจะใช้สิทธิของคู่ความ ฝ่ายที่ชนะคดีบังคับแก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี โดยอาศัย ป.พ.พ. มาตรา 233 ไม่ได้ เพราะการใช้สิทธิบังคับคดีไม่ใช่การใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพ่ง จึงไม่อาจที่จะใช้สิทธิบังคับคดีแก่ผู้แพ้คดี ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ชนะคดีได้
4) ถ้าบุคคลซึ่งแพ้คดีหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาล บุคคลผู้ชนะคดีหรือเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตามมาตรา 271 ระยะเวลาบังคับคดีภายใน 10 ปี ดังกล่าวมิใช่อายุความ เป็นระยะเวลาที่กฎหมายบังคับให้ผู้ชนะคดีบังคับคดีของตนภายในกำหนดระยะเวลา มิฉะนั้นก็หมดสิทธิที่จะบังคับคดีต่อไป ระยะเวลาที่กำหนดนี้จึงไม่ใช่อายุความ ซึ่งกำหนดไว้สำหรับการใช้สิทธิเรียกร้องเป็นเรื่องของระยะเวลาบังคับคดี ดังนั้น เรื่องระยะเวลาบังคับคดีนี้จึงไม่ใช่อายุความ
5) การร้องขอให้บังคับคดีตามมาตรา 271 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องร้องขอให้บังคับคดีแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาและในการร้องขอให้บังคับคดี เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีก่อน จากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี ขอให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เพื่อให้การบังคับคดีดำเนินการต่อไป
การบังคับคดีภายใน 10 ปี เริ่มต้นเมื่อร้องขอให้บังคับคดี เมื่อผู้ชนะคดีร้องขอให้บังคับคดีและนำยื่นต่อศาลภายในระยะเวลา 10 ปี ดังกล่าวแล้ว ศาลจะออกหมายบังคับคดีหรือบังคับด้วยวิธีอื่นใดตามสภาพแห่งการบังคับจะเปิดช่องให้ทำได้และถือว่าการบังคับคดีเริ่มต้นนับแต่วันที่ยื่นคำขอ หากยื่นเลยระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาผู้ชนะคดีก็หมดสิทธิบังคับคดี ส่วนวิธีการบังคับคดีต่อจากนั้นไป แม้นจะเลยเวลา 10 ปี หรือเสร็จภายหลังนั้น ก็ยังถือว่าบังคับคดีภายในระยะเวลา 10 ปี มีคำพิพากษาวางหลักไว้คือ
คำพิพากษาศาลฎีกา 4816/2528 การร้องขอให้บังคับตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ขั้นตอนต่อไปต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว และจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้วภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์เมื่อใดนั้น เป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้นเจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์จำเลยเกิน 10 ปี ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายใน 10 ปีแล้ว ดังนั้นเมื่อแพ้คดีมา 10 ปี แล้วเจ้าหนี้ยังยึดทรัพย์ได้ด้วยเหตุดังกล่าว