เมื่อนักลงทุนเข้ามาซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีอากรตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ถูกต้อง ในส่วนนี้จึงสรุปการเสียภาษีอากรที่เกี่ยวข้องไว้เพื่อเป็นข้อมูลดังปรากฏต่อไปนี้

1.ภาษีอากรของนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติที่ประกอบกิจการในประเทศไทย

	ประเภทเงินได้		อัตราภาษี
	เงินได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
	กำไรจากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain)
	บุคคลธรรมดา นิติบุคคล		ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ไม่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
	เงินปันผล :
	บุคคลธรรมดา		10% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถ้าได้รับเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียน หรือบริษัทจำกัด หรือ 10% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถ้าผู้มีเงินได้ได้รับเงินได้จากกองทุนรวมและไม่นำเงินดังกล่าวไปรวมคำนวณภาษีปลายปี หรือ ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ถ้าได้รับเงินปันผลจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริม BOI
	นิติบุคคล		10% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถ้าผู้มีเงินได้ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน หรือ ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ถ้าผู้มีเงินได้เป็นบริษัทจดทะเบียนและได้รับเงินปันผลจากบริษัทไทยหรือกองทุนรวม หรือ ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี ถ้าผู้มีเงินได้ถือหุ้นในบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลอย่างน้อย 25 % ของหุ้นทั้งหมดและบริษัทดังกล่าวมิได้ถือหุ้นในบริษัทผู้มีเงินได้
	ดอกเบี้ย :
	บุคคลธรรมดา		15% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
	นิติบุคคล		1% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือ ไม่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย ถ้าเป็นกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้รับดอกเบี้ยจากธนาคารพาณิชย์

2.ภาษีอากรของนักลงทุนต่างประเทศที่มิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย

	ประเภทเงินได้		อัตราภาษี
	เงินได้จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
	กำไรจากการขายหลักทรัพย์ (Capital Gain) :
	บุคคลธรรมดา นิติบุคคล		ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี 15 % ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
	เงินปันผล :
	บุคคลธรรมดา นิติบุคคล		10% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10 % ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
	ดอกเบี้ย :
	บุคคลธรรมดา นิติบุคคล		15% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15 % ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม

ผู้ลงทุนจะถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในอัตรา 7% ของค่าธรรมเนียมหรือค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่บริษัทหลักทรัพย์นั้นเรียกเก็บ

4.อากรแสตมป์

ในการโอนใบหุ้น, ใบหุ้นกู้ และพันธบัตรที่มีตราสารการโอน ผู้โอนจะต้องติดอากรแสตมป์ในอัตรา 1 บาทสำหรับทุกจำนวน 1,000 บาท หรือเศษของ 1,000 บาท โดยคิดตามราคาหุ้นที่ชำระแล้วหรือตามราคาในตราสารโอน (แล้ว แต่อย่างใดจะมากกว่า) ยกเว้นถ้าเป็นการโอนหลักทรัพย์จดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์หรือบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นนายทะเบียน หรือเป็นการโอนพันธบัตรรัฐบาล และหน่วยลงทุน จะไม่ต้องติดอากรแสตมป์