วัตถุประสงค์และขอบเขต
มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์และขอบเขตดังนี้
ให้ถือปฎิบัติกับทุกกิจการที่มีหุ้นสามัญหรือหุ้นสามัญเทียบเท่า โดยกิจการดังกล่าวจะต้องคำนวณและเปิดเผยกำไรต่อหุ้น ตามที่มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้กำหนด
ให้กิจการที่นำเสนองบการเงินเฉพาะกิจการพร้อมกับงบการเงินรวมต้องแสดงกำไรต่อหุ้นสำหรับงบการเงินรวมด้วย ให้กิจการแสดงกำไรต่อหุ้นสำหรับงบการเงินรวมเนื่องจากผู้ใช้งบการเงินของกิจการให้ความสนใจ และต้องการทราบถึงผล การดำเนินงานของกลุ่มกิจการโดยรวม มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ใกล้เคียง มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ ฉบับที่ 33 (IAS No. 33) โดยมีข้อแตกต่างกันดังนี้
มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ให้ถือปฎิบัติกับกิจการทุกกิจการที่มีหุ้นสามัญหรือหุ้นสามัญเทียบเท่า โดยกำหนดให้กิจการดังกล่าวต้องคำนวณและเปิดเผยกำไรต่อหุ้นตามที่มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้ มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IAS) ให้ถือปฎิบัติกับ
- กิจการที่มีหุ้นสามัญหรือหุ้นสามัญเทียบเท่าที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และกิจการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อนำ
หุ้นสามัญหรือหุ้นสามัญเทียบเท่าออกขายในตลาดหลักทรัพย์
- กิจการที่ไม่มีหุ้นสามัญหรือหุ้นสามัญเทียบเท่าที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แต่มีการเปิดเผยกำไรต่อหุ้น
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานคำนวณโดยการนำกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวดที่เป็นของหุ้นสามัญหารด้วยจำนวนถัวเฉลี่ยถ่วง น้ำหนักของหุ้นสามัญที่ถือโดยบุคคลภายนอกในระหว่างงวด
กำไรสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญต้องเป็นกำไรสุทธิสำหรับงวดหลังหักเงินปันผลหุ้นบุริมสิทธิ
ขาดทุนสุทธิที่เป็นของหุ้นสามัญต้องเป็นขาดทุนสุทธิสำหรับงวดบวกเงินปันผลหุ้นบุริมสิทธิ
หุ้นสามัญที่ถือโดยบุคคลภายนอก หมายถึงหุ้นสามัญที่ออกแล้วในขณะนั้น หัก หุ้นสามัญที่ได้รับคืน (ถ้ามี)
หุ้นสามัญที่ได้รับคืน หมายถึงหุ้นสามัญที่กิจการจำหน่ายไปแล้วแต่ได้รับคืนมาไว้ในครอบครอง ณ ปัจจุบัน
กำไรต่อหุ้นปรับลด
ในการคำนวณกำไรต่อหุ้นปรับลด กิจการต้องปรับปรุงกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวดที่เป็นของหุ้นสามัญและจำนวนถัวเฉลี่ย ถ่วงน้ำหนักที่ถือโดยบุคคลภายนอกด้วยผลกระทบของหุ้นสามัญเทียบเท่า ปรับลดทั้งสิ้น
หุ้นสามัญเทียบเท่าหมายถึงเครื่องมือทางการเงินหรือสัญญาที่อาจทำให้ผู้ถือได้รับสิทธิในหุ้นสามัญ ส่วนหุ้นสามัญเทียบเท่าปรับลด หมายถึงหุ้นสามัญเทียบเท่าที่ทำให้กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานลดลง
จำนวนหุ้นสามัญที่ใช้ในการคำนวณกำไรต่อหุ้นปรับลดคือ
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักบวกด้วยจำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่กิจการต้องออกเพื่อแปลงหุ้นสามัญ เทียบเท่าปรับลดทั้งสิ้นให้เป็นหุ้นสามัญ
กิจการต้องสมมุติว่าหุ้นสามัญเทียบเท่าปรับลดได้แปลงเป็นหุ้นสามัญ ณ วันต้นงวด เว้นแต่จะมีการออกหุ้นสามัญเทียบเท่า ในงวดนั้น จึงให้สมมุติว่าเป็นการแปลงหุ้นที่เกิดขึ้น ณ วันที่ออกหุ้นสามัญเทียบเท่า
ในการคำนวณกำไรต่อหุ้นปรับลด กิจการต้องนำกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวดที่เป็นของหุ้นสามัญมาปรับปรุงด้วยรายการที่ สุทธิจากภาษีเงิน ได้ดังต่อไปนี้
เงินปันผลของหุ้นสามัญเทียบเท่าปรับลดเฉพาะที่ได้นำไปหักจากกำไรสุทธิหรือบวกกับขาดทุนสุทธิ เพื่อหากำไรสุทธิหรือ ขาดทุนสุทธิของหุ้นสามัญ
ดอกเบี้ยของหุ้นสามัญเทียบเท่าปรับลดที่กิจการรับรู้ในระหว่างงวด
การเปลี่ยนแปลงอื่นของรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่เป็นผลมาจากการแปลงหุ้นสามัญเทียบเท่าปรับลดในระหว่างงวด ในการคำนวณกำไรต่อหุ้นปรับลด
กิจการต้องสมมุติว่าผู้ถือจะแปลงหุ้นสามัญเทียบเท่าปรับลดที่เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิ สิทธิที่จะเลือกซื้อหุ้นและหุ้นสามัญ เทียบเท่าปรับลดอื่นในลักษณะเดียวกันเป็นหุ้นสามัญเมื่อราคาตามสิทธิต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญ
กิจการต้องสมมุติต่อไปว่า กิจการจะนำสิ่งตอบแทนสุทธิที่ได้รับจากผู้ถือหุ้นสามัญเทียบเท่าไปซื้อหุ้นสามัญจากบุคคลภายนอก (หุ้นสามัญที่ออก) คืนมาด้วยมูลค่ายุติธรรมเพื่อนำหุ้นสามัญดังกล่าวมาใช้ในการแปลงหุ้น หากจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้นที่กิจการต้องใช้ในการแปลงหุ้นสูงกว่าจำนวนหุ้นสามัญที่กิจการซื้อคืนมา กิจการจำเป็นต้องออก หุ้นสามัญเพิ่มเติมให้กับผู้ถือหุ้นสามัญเทียบเท่า โดยมิได้รับสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
หุ้นสามัญเทียบเท่าจะมีผลในการปรับลดกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานก็ต่อเมื่อการแปลงหุ้นสามัญเทียบเท่าดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญจะทำให้ กำไรสุทธิต่อหุ้นของกิจการลดลง กำไรสุทธิต่อหุ้นในที่นี้ ต้องเป็นกำไรต่อหุ้นจากการดำเนินงานตามปกติของกิจการเฉพาะส่วนที่ยัง ดำเนินการอยู่
การปรับงบการเงินงวดก่อน
ในกรณีที่มีการให้หุ้นปันผล การแตกหุ้นหรือการรวมหุ้นที่มีผลทำให้จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นสามัญเทียบเท่าที่ถือโดยบุคคลภายนอก เพิ่มขึ้นหรือลดลงในระหว่างงวด กิจการต้องปรับกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลด สำหรับทุกงวดที่แสดงเปรียบเทียบ ใหม่
ถ้าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากวันที่ในงบดุลแต่ก่อนที่กิจการจะออกงบการเงิน กิจการต้องปรับกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน และกำไรต่อหุ้นปรับลดสำหรับทุกงวดที่แสดงในงบการเงิน โดยใช้จำนวนหุ้นสามัญใหม่
กิจการต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำไรต่อหุ้นที่เปลี่ยนไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในจำนวนหุ้นสามัญ ที่ใช้ในการคำนวณ
กิจการต้องปรับกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลดสำหรับทุกงวดที่แสดงอยู่ในงบการเงิน ด้วยรายการต่อไปนี้
ผลกระทบจากข้อผิดพลาดที่สำคัญและการปรับปรุงซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีตามที่กำหนดไว้ใน มาตรฐานการบัญชี เรื่องกำไรหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวด ข้อผิดพลาด- ที่สำคัญ และการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี
ผลกระทบจากการรวมกิจการประเภทการรวมส่วนได้เสีย
การแสดงรายการ
มาตรฐานการบัญชีฉบับนี้กำหนดให้กิจการต้องแสดงกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลด แม้ว่าจำนวนดังกล่าวจะเป็น
ขาดทุนต่อหุ้นก็ตาม
กิจการต้องแสดงกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลดในงบกำไรขาดทุนสำหรับหุ้นสามัญแต่ละประเภทที่มีสิทธิในกำไร สุทธิสำหรับงวดแตกต่างกัน กิจการต้องแสดงกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลดอย่างเด่นชัดและเท่าเทียมกันสำหรับทุก งวดที่แสดงในงบการเงิน
ข้อมูลที่ต้องเปิดเผย
กิจการต้องเปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้
จำนวนกำไรที่ใช้เป็นตัวตั้งในการคำนวณกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลดและการกระทบยอดจำนวนกำไร
ดังกล่าวให้เป็นกำไรหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวด จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่ใช้เป็นตัวหารในการคำนวณกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลดและการ กระทบยอดของจำนวนหุ้นสามัญดังกล่าว