กรณีบริษัทได้ทำสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาให้ดำเนินการติดตั้งและวางระบบ.... โดยมีการออกใบแจ้งหนี้แล้วแต่ยังไม่ได้มีการชำระเงินและต่อมาบริษัทได้ขอเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้คือ ผู้รับเหมา โดยเจ้าหนี้ตกลงลดหนี้ให้กับบริษัทเป็นอัตราร้อยละของหนี้ที่ค้างอยู่ ซึ่งบริษัทจะชำระหนี้ตามจำนวนที่หักส่วนลดแล้วว่า กรณีดังกล่าวหากไม่ได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงินตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำ หนด ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 325 และกฎกระทรวงฉบับที่ 212 บริษัทมีภาระภาษีดังนี้
1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม : ต้องคำนวณจากยอดเงินตามที่ระบุในสัญญาก่อนหักส่วนลด เนื่องจากไม่ใช่ส่วนลดที่ได้ลดให้ในขณะให้บริการ และได้หักส่วนลดดังกล่าวออกจากราคาค่าบริการ ตามมาตรา 79(1) แห่งประมวลรัษฎากร
2. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย : ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ทุกครั้งที่จ่ายและคำนวณจากเงินได้ที่จ่ายจริงเท่านั้น
3. ภาษีเงินได้นิติบุคคล : บริษัทซึ่งเป็นลูกหนี้จะต้องนำส่วนลดที่ได้รับมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเนื่องจากถือเป็นรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการและเจ้าหนี้ที่ลดหนี้ให้กับบริษัท ก็ไม่สามารถนำส่วนลดดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เนื่องจากไม่ใช่หนี้สูญตามกฎกระทรวงฉบับที่ 186
(อ้างอิง: หนังสือตอบข้อหารือกรมสรรพากรที่ กค 0811/17056 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2541)